20-22 พฤศจิกายนที่ผ่าานมา ครูบิ๊กได้รับโอกาสในการเป็นวิทยากรบรรยายธรรมให้แก่ค่ายน่ารัก ๆ
ที่ อ.มวกเหล็ก ชื่อค่ายธรรมะจัดสรร ปันโอกาส เพื่อบุคคลพิเศษค่ะ
ค่ายนี้เปิดโอกาสให้ครูบิ๊กได้สอนธรรมะสนุกๆ ด้วยเกมส์และกิจกรรมต่าง ๆ อีกครั้ง ในสถานที่ที่แสนรื่นรมย์ค่ะ
ขอบคุณจิตอาสา 3 ท่านที่ไปช่วยงานในครั้งนี้ คือ ครูเก่ง ครูจำเรียง และน้องอุ้มค่ะ
และขอบคุณครูเปาที่เป็นผู้แนะนำให้ได้มาร่วมงานค่ายนี้ค่ะ
มาถึงแล้วขอเป็นตัวแทนมอบดีวีดีซีรี่ย์พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลกให้แม่ฟ้า ผู้เป็นหัวหน้าชุมชนเพื่อนพัฒนสุขค่ะ
ขอบคุณ "ระฆังแห่งสติ" ที่ทำงานของมันทุก 15 นาที เราจึงมีเสียงอันก้องกังวาล เรียกใจของเราให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ เมื่อได้้ยินเสียงระฆัง ทุกคนต้องหยุดทุกอย่างที่ทำอยู่ หลับตา .. แล้วอยู่กับลมหายใจ จนกว่าจะได้ยินเสียงระฆังอีกครั้ง จึงจะทำหน้าที่ของตนต่อไปค่ะ
เราเริ่มกิจกรรมกันด้วยการล้อมวงเล็ก ๆ กันใต้ร่มไม้
แม่ฟ้ากล่าวต้อนรับ 7 ครอบครัวบุคคลพิเศษ
วงครอบครัวอันแสนอบอุ่น
ชี้แจงกิจกรรมแรก "น้ำใสใจบริสุทธิ์"
เกมส์นี้เล่นเป็น 2 รอบ
รอบแรก..โจทย์คือ "ให้ทำน้ำนี้ให้สกปรกที่สุด"
เร่ิมได้!!!
ทุกกลุ่มร่วมใจกันระดมดิน ใบไม้ ก้อนหิน สารพัดสรรพสิ่งที่จะทำน้ำให้สกปกรกที่สุด
เชิญมาท้าชิงกันเลย!!!
อื้อหือ....
ยังค่ะ..ไฮไลท์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น....เข้าสู่กติการอบที่สองค่ะ
จง "ทำน้ำนี้ให้กลับมาใสเหมือนเดิม"
โดยเรามีอุปกรณ์ให้ 3 ชิ้น เริ่มกันเลยค่ะ
กรองไป..กรองมา
ได้น้ำใสประมาณหนึ่ง
ล้อมวง ถอดรหัสกิจกรรมนี้กันค่ะ
กระชอนคั้นกะทิ กระชอนช้อนลูกน้ำ และผ้าขาวบาง มีความหมายอย่างไร
ใจของเราเมื่อเกิดนั้นใส แต่เวลาผ่านไป ใจเราก็สกปรกเหมือนน้ำที่เล่นในรอบแรก มาบัดนี้เราได้รู้แล้วถึงความสกปรกนั้น และหากอยากจะทำใจให้ใสสะอาดขึ้น พระพุทธเจ้าก็ให้เครื่องมือมา 3 ชิ้น เรียกว่า "บุญ" ค่ะ
บุญ แปลว่าเครื่องทำความสะอาดใจ ที่มีฤทธิ์ในการกรองสิ่งสกปรกออกจากใจได้ไม่เท่ากัน เหมือนกระชอน และผ้าขาวบาง
กระชอนคั้นกะทิ มีรูห่าง กรองสิ่งสกปรกได้น้อย เปรียบเหมือน "ทาน"
กระชอนช้อนลูกน้ำ ตาถี่ขึ้น กรองสิ่งสกปรกได้มากขึ้น เปรียบเหมือน "ศีล"
ผ้าขาวบาง ตาละเอียดที่สุด กรองสิ่งสกปรกได้ดีเยี่ยม เปรียบเหมือน "ภาวนา" หรือการมีสติรู้สึกตัวตลอดเวลา
ใช้อุปกรณ์เพียงอย่างเดียว ใจก็ไม่สะอาดนะคะ ต้องบูรณาการ ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา แบบนี้เลย
รับสิ่งดี ๆ เปิดค่ายแล้ว เราไปชมฟาร์มกันหน่อยดีกว่า ที่นี่มีเพื่อน ๆ อยู่กันเยอะเลย มีอะไรกันบ้างไปดูกันค่ะ
ฟาร์มเกษตรกรรมออร์แกนิค ปลอดสารพิษ เป็นมิตรต่อทุกคนค่ะ
น้องวัวเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมากเลยค่ะ
มีทุ่งทานตะวันแสนสวย
อำลาค่ายวันแรกแต่เพียงเท่านี้ แยกย้ายไปพักผ่อน เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ
----------------------------------------------------
เช้าแล้ววันใหม่.... พบกัน 06.30 น. เช้าตรู่แต่สมาชิกพร้อมใจกันมาตรงเวลา เราเริ่มกิจกรรมวันนี้ด้วยการเดินเจริญสติ โดยมีกติกาเช่นเดิมคือ เมื่อได้ยินเสียงระฆังต้องหยุด อยู่กับลมหายใจ
ก่อนเดินทำความเข้าใจคำว่า "สติ" หรือ "รู้สึกตัว" หรือ "ตัวกับใจอยู่ที่เดียวกัน"
เราทำให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยครูบิ๊กกับครูจำเรียง แสดงเป็น "ตัว" กับ "ใจ"
เดินไป ๆ น้อง "ใจ" ก็จะเริ่มลอยห่างจากตัว
ต้องใช้สติ "ดึง" ใจกลับมาอยู่กับ "ตัว" แล้วเดินต่อไป
เริ่มเดินกันเถิด
ได้ยินเสียงระฆัง ทุกคนหยุด แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจ
ฝึกการ "หยุด" ในหลากหลายที่ หลากหลายเวลา
สูดไอหมอกยามเช้าของชุมชนแห่งนี้ให้เต็มที่
ขอบคุณธรรมชาติที่ให้พลังชีวิตแก่เรา
เดินเข้าชมป่าไผ่ ได้เห็นหลากหลายชีวิตที่นี่ โดยเฉพาะ "มด" สัตว์ตัวน้อยแสนมหัศจรรย์ แต่เราเรียนรู้ที่จะเคารพมด และไม่ไม่รบกวนเขาด้วยการเดินของเรา อยู่กันอย่างพึ่งพาอาสํย เกื้อกูลกัน
จบการเดินเกือบ 1 ชั่วโมง กลับมาแบ่งปันความรู้สึก และรับภารกิจในเช้าวันนี้ คือการ "ไปตลาด" และซื้อของสดมาเพื่อเตรียมประกอบอาหารกันในครอบครัว ถวายเพลพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณในวันพรุ่งนี้
มุมแสนน่ารักของคู่แม่ลูกค่ะ
นัดหมายแล้ว พวกเราออกเดินทางไปตลาดในอำเภอมวกเหล็กกันเลยค่ะ
มาชมหลากหลายลีลาเลือกซื้อของกันค่ะ
ได้ของครบแล้ว เรากลับชุมชนกันค่ะ
เหลือเวลาก่อนอาหารเที่ยง ตั้งวงเรียนรู้เรื่อง "กิเลส" หรือ "ผี 3 ตัว" ผ่านกิจกรรม "เก้าอี้แห่งใจ"
แนะนำตัวร้ายในท้องเรื่อง ผีขี้โลภ ผีขี้โกรธ ผีขี้หลง
และนางเอกของเรื่องคือ "สติ" ทั้งสองฝ่ายจะต้องแย่งกันครอบครอง "ใจ" ให้ได้
มอบมงกุฎให้ "ผีขี้หลง" เป็นหัวหน้าแห่งผีทั้งหมด เพราะเป็นผีที่ "เหยียบหิมะไร้ร้องรอย" เวลาถูกผีขี้หลงเข้าสิงมักไม่รู้สึก หรือแม้รู้สึก ก็มักจะ "ยินดี" เพราะผีขี้หลงมีรสอร่อยและสนุกมาล่อมนุษย์เอาไว้
นางเอกของเรื่อง "สติ" ค่ะ
หากสติเผลอ ผีตัวใดตัวหนึ่งจะเข้าครอบครองใจทันที
แต่หากเรามีสติครอบครองใจ ผีตัวใดก็ครองใจไม่ได้
การมีสติทำได้ง่าย ๆคือ นำใจไปจดจ่อไว้ที่ 3 แหล่ง
1)ลมหายใจ
2)กายเคลื่อนไหว
3)การงานที่ทำอยู่
พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนหลักการง่าย ๆ ใช้ได้ในชีวิตประจำวันของคนที่ยังต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้การเจริญสติในชีวิตประจำวันกันสักเล็กน้อย
จากนั้นเรามีโอกาสได้กราบต้อนรับ หลวงตาประสงค์ ปริปุณโณ ซึ่งเมตตามาให้ธรรมะแก่ครอบครัวโยคีในค่ายค่ะ
ท่านมีเมตตาสูง เด็ก ๆ สบายใจที่ได้เข้าไปกราบหลวงตา
ช่วงบ่ายครอบครัวได้มีโอกาสฟังเทศน์จากหลวงตา ซึ่งนำความประทับใจมาให้ทุกครอบครัว
หลวงตามีกิจกรรมมากมายมาให้ได้ร่วมสนุกและขบคิดกัน
ชมภาพบรรยากาศเป็นกันเอง แสนอบอุ่นค่ะ
ระหว่างผู้ปกครองรื่นเริงในธรรม เด็ก ๆ สามารถปลีกออกมาทำกิจกรรมอื่นได้หากต้องการ
ยามเย็น...เราไปร่วมส่งพระอาทิตย์ตกดินกัน ด้วยการเดินเจริญสติอีกครั้ง
ชาวค่ายร่วมขอบคุณพระอาทิตย์ ที่่ให้แสงสว่างกับโลกนี้
ขอบคุณแม่ฟ้า ที่ทำให้เกิดชุมชนและค่ายแห่งนี้
เดินชมอีกส่วนหนึ่งของชุมชน และทักทายสรรพสัตว์อีกหลายชีวิตที่นี่
จบไปอีก 1 วัน... วันแห่งสติและธรรมะ
ส่งทุกท่านเข้านอนเพื่อเติมพลังสำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ
--------------------------------------------------
เช้าแล้ววันใหม่....วันสุดท้ายของค่าย เริ่มกิจกรรมด้วยการเดินเจริญสติเช่นเดิม แต่วันนี้เพิ่มโจทย์ คือให้เดิน "ประคองแก้วน้ำเกือบเต็ม" ไปด้วย
ถอดรหัสหลังเดินประคองแก้วน้ำ พบว่า "แก้วน้ำ" ถือเป็น "เครื่องอยู่" ของใจขณะเดินได้อย่างดี ผู้ปกครองสามารถ ละวางเรื่องกังวลได้ในขณะทำใจให้จดจ่ออยู่กับแก้วน้ำ นับเป็นอุบายอันแยบยลในการนำจิตออกจากความทุกข์ หรือจะใช้เป็นวิธีฝึกสมาธิง่ายๆ ให้กับเด็กก็ได้ค่ะ
จากนั้นเข้าสู่ความรื่นรมย์ประจำวัน คือการ "ทำอาหารถวายหลวงตา" ค่ะ โจทย์คือ ต้องทำอาหารด้วยกันทั้งครอบครัว จากเดิมที่คุณแม่บ้านมักจะทำคนเดียว แต่ครั้งนี้ต้องเปิดโอกาสให้ลูกได้มีส่วนร่วม
คุณแม่บ้านทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยคิดว่า การทำอาหารร่วมกับลูกจะสนุกขนาดนี้ (รู้งี้ทำไปนานแล้วนะคะ) ชื่นใจจังเลยค่ะ
อาหารหลากหลายชนิด ทำด้วยสติและความตั้งใจดี พร้อมใส่บาตรให้หลวงตาในมื้อเพลแล้วค่ะ
หลวงตารับบิณฑบาตรใต้ร่มไม้ ช่างเป็นภาพที่น่าอบอุ่นประทับใจค่ะ
อาหารอีกส่วนนำมาประเคนที่โต๊ะ
หลวงตาให้ธรรมะก่อนฉันเพล
จิตอาสาถ่ายทำ VTR ถ่ายทอดความรู้สึกจากค่ายนี้
งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา เช่นเดียวกับค่าย "ธรรมะจัดสรร ปันโอกาส สำหรับบุคคลพิเศษ" หลังฉันแล้ว หลวงตาเมตตาให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แสดงความรู้สึกกันค่ะ
ชมภาพบรรยากาศแสนอบอุ่น
แม่ป๋วย อุไรวรรณ ผู้ประสานงานยอดเยี่ยมและฝ่ายโภชนาการ ทำอาหารให้เราทานเอร็ดอร่อยตลอดค่ายค่ะ
จบค่ายลงด้วยความประทับใจ ได้ธรรมะของพระพุทธองค์ไปใช้เป็นเครื่องอยู่ของใจ ในชีวิตที่ยังต้องดำเนินต่อ แต่การดำเนินชีวิตต่อจากนี้ "ใจ" จะมีเกราะคอยคุ้มครองป้องกัน ไม่ให้ใจไหลไปสู่ความทุกข์อีกต่อไป
ขอกราบขอบพระคุณ หลวงตาประสงค์ ปริปุณโณ ตลอดจนกัลยาณมิตร ณ ชุมชนเพื่อนพัฒนสุข และโยคีทุกคนในค่ายนี้ ที่มาร่วมจุดประทีปแห่งปัญญา ให้เกิดขึ้นวงล้อมแห่งมิตรภาพวงนี้ค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสร้างบารมีด้วยการเกื้อกูลตนเองและผู้อื่นด้วยความเมตตาและไม่ประมาทนะคะ เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไปค่ะ
จนกว่าจะพบกันใหม่ เมื่อธรรมะจัดสรรค่ะ
ครูบิ๊ก