เมื่อจะ "เปลี่ยนการทำงานให้เป็นการทำบุญ" เราต้องเข้าใจเนื้อหา 2 ส่วนหลักดังนี้ค่ะ
ส่วนที่ 1 : วัตถุประสงค์ของการเกิดเป็นมนุษย์
คำถามที่ว่า "เราเกิดมาทำไม" ซึ่งคำตอบก็คือ "เกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมี" โดย "บุญ" เป็นชื่อของความดีและความสุข
ส่วนที่ 2 : เราจะเปลี่ยนการทำงานให้เป็นการทำบุญได้อย่างไร
ครูบิ๊กเน้นการทำบุญที่ง่ายที่สุดคือ "ทาน" ซึ่งแปลว่าการให้ พนักงานบริการสามารถให้ของ 6 อย่างเป็น "ทาน" ได้ขณะทำงานบริการ ของ 6 อย่างนั้นได้แก่
4.1 เมตตา ซึ่งแปลว่าความรักความปราถนาดีต่อลูกค้า พวกเราได้ทำกิจกรรมลองแผ่เมตตาให้กันและกันโดยใช้บทแผ่เมตตายุค 4G ที่ง่ายและสั้น ว่า "ขอให้...มีความสุข"
4.2 ให้การกราบไหว้ ความอ่อนน้อม และรอยยิ้ม เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการสามารถให้เป็นทานอย่างสม่ำเสมอและง่าย ทุกครั้งที่ยิ้มหรือไหว้ลูกค้า นั่นคือการทำบุญ
4.3 ให้คำพูดที่ไพเราะ พูดเพราะ ๆ กับทั้งลูกค้าภายในและภายนอก
4.4 ให้ความช่วยเหลือด้วยแรงกายแรงใจ อย่ากลัวความเหนื่อย เพราะความเหนื่อยเป็นผลจากการที่เราให้แรงกายแรงใจเป็นทาน และงานบริการเป็นงานเดียวที่ได้อภิสิทธิ์ "ได้ทำทานตลอดเวลาที่เราทำงาน"
4.5 ให้มุทิตาจิต คือชื่นชมยินดีเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานทำงานดีหรือได้รับคำชม ได้รับรางวัล
4.6 ให้อภัย การทำงานบริการย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นได้ ขอให้พนักงานบริการทุกคนทำงานอย่างได้กำไร อย่าขาดทุนโดยการนำข้อขัดแย้งเรื่องงานมาผูกใจเจ็บเค้นกันเป็นการส่วนตัว เพราะใจที่แค้นพยายาทเป็นบาป และครูบิ๊กยังได้สอนเทคนิค "การทำงานแบบร่างทรง" ให้ผู้เข้าอบรมด้วย กล่าวคือ เราเป็นเพียงร่างทรงของเทพเจ้าที่ชื่อ "ไทยประกันชีวิต" คำชมหรือคำตำหนิที่รุนแรงเพียงใดก็ตาม "เรา" ไม่ได้เป็นผู้รับ แต่ "เทพไทยประกันชีวิต" ต่างหากที่เป็นผู้รับไว้ เมื่อเลิกงานเปรียบเสมือนเทพออกจากร่างไปแล้ว ร่างทรงอย่างเราจะไม่นำเอาคำชมหรือคำตำหนิเหล่านั้นกลับไปปะปนกับชีวิตส่วนตัว นี่คือ work-life balance ที่แท้จริง