ครั้งนี้นับว่าเกินความคาดหมาย เพราะจากเดิมที่คิดว่าจะมีผู้ฟังไม่เกิน 60 ท่าน กลับมีผู้ลงทะเบียนเข้ามาเกิน 100 ที่นั่ง และทุกท่านอยู่ฟังกันจนจบการอบรม 3 ชั่วโมง หลายท่านเข้ามาขอบคุณเป็นการส่วนตัวนอกรอบว่า “เนื้อหาตอบโจทย์เงื่อนไขชีวิตตอนนี้มาก” ครูบิ๊กฟังแล้วปลื้มใจแทนพระพุทธเจ้ามากค่ะ
การมีชีวิตที่ “สตรอง” หรือ “แข็งแรง” นั้น ควรเริ่มจาก “การรู้เป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์” เสียก่อนค่ะ
ครูบิ๊กชี้ให้ทุกคนเห็นว่า “คนเราเกิดมาเพื่อทำความดีและพัฒนาตนเอง” มิใช่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมแบบที่หลายคนอาจจะเข้าใจผิด หากเราเข้าใจวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเช่นนี้ เราก็จะทำงานทุกวันแบบมี “รากหยั่งลึก” เราจะทำงานด้วยความ “สตรอง” อย่างแน่นอน เพราะทุกปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามา..ล้วนเป็นน้ำเป็นปุ๋ยรดลงบน “ราก” แห่งการทำความดีและพัฒนาตนเองของเรา
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคของการทำความดีและพัฒนาตนเอง คือพญามาร ที่จะไม่ยอมให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ของการเกิดมา และทำให้เราอ่อนแอ จึงได้ส่งลูกน้องคือผีขี้โลภ ผีขี้โกรธ และผีขี้หลง มาชักจูงให้มนุษย์เราลงไปทำในสิ่งที่ต้องเสียใจ เป็นเหตุให้ทำงานไม่สบาย ต้องเผชิญและแบกความทุกข์อยู่ตลอดเวลา
ลูกน้องพญามารทั้ง 3 ตัว มีวัตถุประสงค์ที่จะ
1.เข่นฆ่า
2. ขโมย (ความหวัง ความฝัน และการพัฒนาตนเอง)ไปจากมนุษย์
3. คุกคาม คือทำให้มนุษย์อยู่อย่างไม่เป็นสุข โดยความกังวลกับอดีตและอนาคต
ผีขี้โลภ จะเข้าสิงมนุษย์และก่อให้เกิดความอยาก ความชอบ ความรัก หวงกั้นและยึดติด
ผีขี้โกรธ จะเข้าสิงมนุษย์และก่อให้เกิดความไม่ชอบ หงุดหงิด รำคาญ โกรธแค้นอาฆาตพยาบาท
ผีขี้หลง จะเข้าสิงมนุษย์และก่อให้เกิดความฟุ้งซ่าน เหม่อลอย ขาดสติ ขาดสมาธิในการทำงาน
โดยผีทั้ง 3 ตัว จะเข้าสู่ใจของมนุษย์ผ่านทางประตูทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวสัมผัส ดังนั้นมนุษย์ต้องคอยรู้ทันเวลาผีทั้ง 3 ตัวเข้าสิงใจเรา ครูบิ๊กจึงได้ลองให้ผู้เข้าอบรมทุกท่านทำ workshop หัวข้อ “มันคืออะไร” เพื่อฝึกหัดรู้เท่าทัน ผีแต่ละตัวที่เข้าสิงใจของเรา
จากนั้นทำกิจกรรมชื่อ “น้องกายน้องใจ” เพื่อเรียนรู้ธรรมชาติของกายใจ และการเข้าโจมตีกายใจของผีทั้ง 3 ตัว
สุดท้ายทำกิจกรรม “ล้อมรั้วหัวใจ” เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเห็นภาพว่า “สติ” เป็นตัวคอยป้องกันไม่ให้ผีสามตัวเข้ามาโจมตีใจของมนุษย์ได้ การมีสติจึงทำให้มนุษย์ทำงานได้อย่างสบายและมีความสุข โดยภาวะการมีสตินั้น คือการเอาใจมาแนบไว้ที่ 3 ฐานของสติได้แก่
1.ฐานลมหายใจ
2.ฐานกายเคลื่อนไหว (ซึ่งครูบิ๊กแนะนำอิริยาบถเดิน)
3.ฐานการงาน ซึ่งอาจเป็นการงานแบบกิจวัตรประจำวัน หรือการงานเลี้ยงชีพที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็ได้
และได้เน้นย้ำให้ผู้เข้าอบรมฝึกเจริญสติโดยการนำใจ มารู้และแนบไว้ที่ 3 ฐานนี้บ่อยๆ ซึ่งผู้เข้าอบรมจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ผ่านกิจกรรมสุดท้ายที่ชื่อว่า “ลูกโป่งหัวใจ” เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้อบรมเห็นว่า ใจที่มีสติคอยคุ้มครองนั้น จะสามารถเผชิญกับการคุกคามของผีทั้ง 3 ตัวได้ และทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายและมีความสุข
สุดท้ายต้องขอขอบคุณผู้บริหารและบุคคลากรของสายงานรองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทุกท่านที่ไว้วางใจให้ครูบิ๊กได้มาเป็นวิทยากรบรรยายธรรมแสนสนุกในวันนี้ค่ะ ครูบิ๊กเชื่อเหลือเกินว่าพวกเราจะได้สติและวิธีการจับผีทั้ง 3 ตัวกลับไปใช้ในการทำงาน อันจะส่งผลให้การทำงานของพวกเราเป็นการ “ทำงานที่สตรอง ครองด้วยสติ” อย่างแน่นอนค่ะ