หลักสูตรการควบคุมอารมณ์นี้ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เนื้อหาประกอบด้วย
คาบที่ 1 : การทำงานของอารมณ์และอุปสรรคของการควบคุมอารมณ์ (3 ชั่วโมง)
คาบที่ 2: workshop การควบคุมอารมณ์ 5 ขั้นตอน (1 ชั่วโมง)
เนื้อหาทั้ง 2 คาบมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
คาบที่ 1 : การทำงานของอารมณ์และอุปสรรคของการควบคุมอารมณ์ (3 ชั่วโมง)
จากนั้นครูบิ๊กได้ให้ผู้เข้าอบรมแบ่งปันสถานการณ์ในที่ทำงาน หน้าที่แต่ละคนเธอตกเป็นทาสของอารมณ์ทำอะไรหรือพูดอะไรบางอย่างที่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง
จากนั้นครูบิ๊กจึงเฉลยว่า “พญามาร “ คือผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังอารมณ์ต่าง ๆ โดยพญามารจะส่งลูกสมุนมือขวาทั้ง 3 ตัว มาล่อหล่อกมนุษย์ให้ตกเป็นเหยื่อของอารมณ์ สมุนเรานั้นเราเรียกว่า “ผี 3 ตัว” ซึ่งประกอบด้วย
2)ผีขี้โกรธ มีหน้าที่ส่งอารมณ์ไม่ชอบ ไม่อยาก เบื่อ หงุดหงิด รำคาญ โกรธ แค้น อาฆาต พยาบาท มาล่อหล่อกมนุษย์
3)ผีขี้หลง มีหน้าที่ส่งอารมณ์ฟุ้งซ่าน ใจลอย มโน ฝันกลางวัน สงสัย ไร้สติ สนุก อร่อย เพลิดเพลิน เข้าครอบครองใจมนุษย์
จากนั้นได้ทำ workshop ผ่านกิจกรรม “มันคืออะไร” โดยให้ผู้เข้าอบรบดูภาพ ฟังคลิปเสียง ดมกลิ่น และลิ้มรสสิ่งต่าง ๆ แล้วฝึก “จับผี” ซึ่งก็คือการฝึก “รู้ทัน” อารมณ์ที่ผีส่งเข้าครอบครองใจขณะนั้นนั่นเอง เช่น
ได้เห็นภาพวิวสวย ๆ แล้วรู้สึกชอบ นั่นคือ “ผีขี้โลภ” เข้าสิงใจ
ได้ดมกลิ่นต้นหอมแล้วรู้สึกไม่ชอบ นั่นคือผีขี้โกรธเข้าสิงใจ
ซึ่งขั้นตอนการ “รู้ทัน” ผีที่เข้าสิงใจนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดหากเราต้องการควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้ ผู้เข้าอบรม”จับผี” ได้แม่นยำและว่องไวมากค่ะ
คาบที่ 2 : workshop การควบคุมอารมณ์ 5 ขั้นตอน (1 ชั่วโมง)
1) เป็นเหยื่อผีขี้โลภ : - ทำให้เรารับงานซ้อนเพราะอยากได้รายได้ สุดท้ายเสียชื่อเสียงเพราะงานชน
- อยากให้ค่าคอมมิชชั่นจึงพาลูกทัวร์ลงช้อปปิ้งร้านค้าไม่ได้คุณภาพ ทำให้ภาพลักษณ์ของตนเองดูแย่ และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของวงการท่องเที่ยวโดยรวม
2)เป็นเเหยื่อผีขี้โกรธ : - ทำให้เราหงุดหงิดรำคาญ ชักสีหน้า หรือพูดจาไม่ดีใส่ลูกทัวร์
3)เป็นเหยื่อผีขี้หลง : - หัวหน้าทัวร์ประมาท ดื่มแอลกอฮอร์ยามค่ำระหว่างออกทัวร์ ทำให้ขาดสติ ไม่พร้อมทำงานในวันรุ่งขึ้น ส่งผลเสียกับงานและภาพลักษณ์ของตนเอง/ของบริษัท
- สำหรับหัวหน้าทัวร์ใหม่ เพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวและถ่ายรูปเองจนลืมว่าขณะนั้นตนเองปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าทัวร์ ไม่ใช่ลูกทัวร์ บางครั้งถึงขนาดลืมดูแลความปลอดภัยให้ลูกทัวร์
- เครียดหรือกังวลขณะออกทัวร์ กังวลกับเหตุการณ์ข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึง ทำให้บางครั้งทำงานผิดพลาดในขณะปัจจุบัน
เนื้อหาเรื่อง "การควบคุมอารมณ์" ประกอบด้วย :
1)การทำงานของใจ : ชีวิตของคนประกอบด้วยกายและใจ พญามารและลูกน้องทั้งสามจะพยายามเข้าครอบครองใจให้ได้ เพราะ “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ครูบิ๊กให้ผู้เข้าอบรมมาร่วมแสดงบทบาทสมมติเพื่อถ่ายทอดเนื้อหาส่วนนี้
2)เครื่องมือเดียวที่จะช่วยเป็น “รั้ว” กันใจของเราจากการคุกคามของผีทั้งสามตัวก็คือ “สติ” นั่นเองค่ะ สติแปลว่า “รู้สึกตัว” เมื่อเราถูกผีเข้าครอบงำหรือชักจูงแล้วเรา “รู้สึกตัว” ได้ไว เราก็จะปล่อยมือและสลัดจากการเกาะกุมของผี แล้วนำใจมาเกาะเกี่ยวอยู่กับ 3 ฐานที่มั่นแห่งสติ ซึ่งประกอบด้วย
2.1 ฐานลมหายใจ
2.2 ฐานกายเคลื่อนไหว
2.3 ฐานการงาน (กิจวัตรประจำวันหรืองานที่ทำงานก็ได้)
ขั้นที่ 1 : “รู้” ย่อมาจาก “รู้ผีสิง”
ขั้นตอนนี้นำความรู้จากการใช้สติ “จับผี” ที่ได้ฝึกไปก่อนหน้านี้มาใช้
ขั้นที่ 2 : “นับ” เป็นการนับถอยหลังเพื่อทิ้งอารมณ์อย่างฉับพลัน
ขั้นตอนนี้ครูบิ๊กสอนผ่าน workshop “กฎ 5 วินาที” หรือ “5-second rule” แนวคิดนี้กำลังเป็นที่นิยมมากในสหรัฐอเมริกา เป็นเทคนิคการทิ้งอารมณ์เพื่อตัดสินใจทำหรือพูดอะไรบางอย่างที่ฝืนความรู้สึก โดยการนัดถอยหลังในใจ (หรือนับออกเสียงก็ได้) ว่า 5-4-3-2-1 แล้วทำหรือพูดสิ่งนั้นออกไปทันที
ตามธรรมชาติแล้วใจต้องมีที่อยู่ เมื่อใจไม่ไปเกาะกุมอารมณ์ก็ต้องหาที่ให้ใจยึดเกาะ เหมาะที่สุดคือฐานที่ตั้งของสติข้อ “ลมหายใจ” และ “กายเคลื่อนไหว” แต่ครูบิ๊กมักแนะนำฐานกายเคลื่อนไหวเพราะฐานนี้ฝึกและรู้สึกได้ง่าย หมายความว่าเมื่อทิ้งอารมณ์แล้ว..เราควรขยับร่างกายหรือเปลี่ยนอิริยาบทแล้วนำใจมารู้สึกหรือเกาะกุมร่างกายที่เคลื่อนไหวนั้น จะช่วยผ่อนอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์..การเปลี่ยนอิริยาบทอาจเป็นไปไม่ได้ เช่น ขณะโดนลูกค้าตำหนิอยู่ตรงหน้า ในกรณีนี้..ครูบิ๊กแนะนำให้ขยับร่างกายโดยการ “พยักหน้า” หรือ “กะพริบตา”
ขั้นที่ 4 : “ใช่” ย่อมาจาก “ทำสิ่งที่ใช่และสมควร”
ย้ายความสนใจของตนเองจากเรื่องที่เร่งเร้าอารมณ์ของตนเองเมื่อสักครู่ ไปยังเรื่องอื่นๆ เช่น เมื่อสักครูกำลังบริหารอารมณ์โกรธของตนเองจากเหตุการณ์ลูกค้าตำหนิด้วยคำพูดรุนแรง ก็ให้ย้ายความสนใจของตนเองไปที่ลูกค้าคนอื่น ๆ เดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงาน เดินไปห้องน้ำ เดินไปดื่มน้ำ หรือคิดถึงสมาชิกในครอบครัวเพื่อให้เกิดกำลังใจในการทำงานต่อไป
เมื่อทำมาถึงขั้นตอนนี้ก็หมายความว่าเราสามารถควบคุมอารมณ์ได้แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่า ใจของเราจะไม่กลับไปคลุกคลีกับอารมณ์นั้นอีก ให้เราแต่งคำพูดในทางบวกเพื่อเตือนตนเองสัก 3-5 ประโยค แล้วท่องออกเสียงหรือท่องในใจสัก 3-4 รอบ และทุกครั้งที่เรารู้สึกว่าใจกำลังกลับไปคลุกคลีกับอารมณ์นั้น..ก็ให้รีบท่องประโยคเหล่านั้น จับอารมณ์ได้...ท่อง / จับอารมณ์ได้...ท่อง /จับอารมณ์ได้...ท่อง ๆๆๆ ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ ใจจะเริ่มเข้มแข็งและเอาชนะอารมณ์ได้ในที่สุดค่ะ
จากนั้นเป็น workshop ให้ผู้เข้าอบรมวางแผนควบคุมอารมณ์ของตนเอง โดยใช้สถานการณ์ที่เรามักพ่ายแพ้ต่ออารมณ์บ่อย ๆ เป็นโจทย์ จากนั้นให้แต่ละคนนำเสนอแลกเปลี่ยนกระบวนการควบคุมอารมณ์ของตนเอง ยกตัวอย่าง
หัวหน้าทัวร์ท่านหนึ่งมักหงุดหงิดเมื่อลูกทัวร์ไม่ฟังการนัดหมายที่เพิ่งพูดไป เมื่อลูกทัวร์ถามขึ้นมาก็มักจะหงุดหงิด แล้วชัดสีหน้าหรือทำน้ำเสียงดุไปว่า “เมื่อกี้ผมพูดไปแล้วครับ” ทำให้ลูกทัวร์รู้สึกไม่ดีที่โดนดุ บางท่านก็ร้องเรียนมายังผู้บริหาร หรือนำไปโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหายได้
วิธีการที่หัวหน้าทัวร์ท่านนี้ใช้ 5 ขั้นตอนคือ
รู้ : รู้ว่าตอนนี้ผีขี้โกรธเข้าสิงใจแล้ว
นับ : นับในใจ 5-4-3-2-1 ทิ้งผีไปโดยฉับพลัน
ขยับ : ขยับส่วนเปลือกตา โดยการ “กะพริบตาถี่ๆ” และ “ยิ้ม”
ใช่ : ทำในสิ่งที่ใช่คือ หันไปยิ้มและพูดอธิบายการนัดหมายอีกครั้งอย่างช้า ๆ และใจเย็น
ต่อไป : เมื่อว่างก็จะท่องในใจว่า “ฉันรักและเข้าใจลูกทัวร์ทุกคน ฉันบริการได้ดี ฉันใจเย็น ฉันอดทน”
จบการอบรมและ workshop ไปอย่างประทับใจ และมีพลังงานอย่างเหลือล้น อย่าลืมเอาสติไปไว้คุ้มครองใจและคุ้มครองอารมณ์กันทุกครั้งที่ลงไปทำงานนะคะ