ธรรมะง่าย ๆ กับวิทยากรธรรมะ - ครูบิ๊ก - ก็มีแนวคิดดี ๆ มาฝากกันค่ะ เพราะอากาศร้อน ๆ แบบนี้ ถ้ารอบตัวเต็มไปด้วย “คนเป็นพิษ” (Toxic people) ก็คงทำให้บรรยากาศยิ่งร้อนรุ่มไปกันใหญ่ วันนี้ครูบิ๊กได้มีโอกาสอ่านหนังสือ Someday is today ของคุณ Matthew Dicks ค่ะ หนังสือเล่มนี้พูดถึงการทำงาน (และการใช้ชีวิต) โดยใช้เวลาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนั่นก็รวมไปถึง “การบริหารจัดการคนเป็นพิษ” รอบตัวเราด้วยค่ะ เพราะต้องยอมรับว่า ..คนเป็นพิษที่อยู่รอบตัวเรา ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงไปไม่น้อยทีเดียว
.
คุณแมทธิวแนะนำไว้ว่า มีอยู่แค่ 4 วิธีเท่านั้นแหล่ะ ที่เราจะจัดการกับ “คนเป็นพิษ” รอบตัวได้ จะเลือกเอาวิธีไหนก็จิ้มมาเลย แล้วทำซะ..อย่าลีลา
.
4 วิธีนั้นก็คือ
.
1)ให้อภัย : ไม่มีการให้ใดยิ่งใหญ่กว่าอภัยทาน ดังนั้นแม้ว่าบุคคลเป็นพิษจะรบกวนท่านเท่าไร ก็จงให้อภัยและอโหสิกรรมกันเถอะค่ะ พระท่านว่าไว้ว่าทุกคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย อีกไม่นานเราก็ต้องจากกันแล้ว ไม่จากเป็นก็จากตาย อย่าผูกใจเจ็บจองเวรต่อกันไปอีกเลย ให้เลิกแล้วต่อกันในชาตินี้ดีกว่าเนอะ
.
2) เห็นอกเห็นใจ : ข้อนี้ต้องอาศัยจิตวิญญาณของความเป็นนางงามมากหน่อยนะคะ แต่หากใครสบายใจแบบนี้ก็ทำไป คุณแมทธิวบอกให้เรามองไปให้ลึก..ว่าบุคคลเป็นพิษเหล่านี้แท้จริงแล้วเขาน่าสงสาร เพราะเขาคงเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน เขาจึงสะสมพิษเอาไว้ในตัว แล้วเอาพิษนั้นมาพ่นใส่คนรอบข้าง ดังนั้นแทนที่จะโกรธหรืออึดอัด เราควรเปลี่ยนมาเป็นสงสารเห็นใจเขาจะดีกว่า
.
3) หลีกเลี่ยง : วิธีนี้เหมาะกับคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ จึงเลือกใช้วิธีหลบหน้า หรือหลีกเลี่ยงการปะทะไปเลยจะสบายใจกว่า แต่ในหลายสถานการณ์ก็อาจจะทำได้ยาก เพราะบุคคลเป็นพิษอาจจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวหรือเราต้องร่วมงานด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
4) ขึ้นบัญชีศัตรู : ตรงๆ เลยค่ะ ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วกันอยู่ คุณแมทธิวบอกว่าก็ขึ้นบัญชีดำกันไปเลย หมายความว่าฉันจะต้องหาวิธีเอาคืนเธอ โดยการพ่นพิษใส่เธอซะบ้าง ฉันถึงจะสบายใจ ชื่อของเธอจะอยู่ในบัญชีนี้จนกว่าฉันจะได้แก้แค้น
. นี่ก็เป็นมุมมองจากโค้ชด้านเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานนะคะ ก็อาจจะเป็นวิธีที่ตาต่อตาฟันต่อฟันกันไปบ้าง ในสังคมไทยอย่างเราทุกท่านก็นำไปพิจารณาปรับใช้กันดูค่ะ หวังว่าวิธียอดนิยมคงจะวนเวียนอยู่ที่ข้อ 1-3 นะคะ หรือถ้าใครสนใจข้อ 4 ก็อย่าลืมแบ่งปันกันมาบ้างว่าเบื้องหลังแนวคิดนี้คืออย่างไร
.
ใดๆก็อย่าลืมพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” เพราะอย่าลืมว่าการที่เราและบุคคลเป็นพิษเหล่านั้นต้องมาผูกพันใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในชาตินี้ ยอมเป็นเพราะกรรมที่เคยทำร่วมกันมาทั้งสิ้น ดังนั้นวิธีการข้อ 4 น่าจะยิ่งผูกเวรผูกกรรมกันไปอีกอย่างไม่มีที่จบสิ้นนะคะ ดูแล้วไม่น่าจะเวิร์ค
.
หากใครอยากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปราศจากคนเป็นพิษ ก็ง่ายนิดเดียวค่ะ..หมั่นแผ่เมตตาให้บ่อยๆ เมตตาจะทำให้บรรยากาศรอบตัวเราเป็นพลังบวกและเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ ไม่เชื่อก็ต้องลองทำกันดูนะคะ
.
ขอให้ทุกท่านมีความสุขค่ะ
คนเป็นพิษ, วิธีจัดการกับคนเป็นพิษ, ToxicPeople, ToxicPerson, วิทยากรบรรยาย, วิทยากรบรรยายธรรม, วิทยากรสอนธรรมะ, inhouse, inhouse_training, InhouseTraining, ข้อคิดดีๆ, ธรรมะง่ายๆ