ต่อไปเป็นเนื้อหาโดยย่อของแต่ละหัวข้อ
หัวข้อ Service Mind สไตล์พุทธ เนื้อหากล่าวถึงหัวใจของการทำงานที่มีความสุข ต้องเริ่มจากการตระหนักว่าคนเราเกิดมาเพื่อทำความดีและพัฒนาตนเอง (ศาสนาพุทธเรียกว่าการทำบุญ) และการทำความดีที่ง่ายที่สุด คือการให้ทาน ผลบุญหรือความดีที่เกิดจากการให้ทานนี้ ย่อมตกเป็นของผู้ทำทานเอง เมื่อคนทำงานบริการทราบดังนี้ เราก็จะมาเรียนรู้ถึงวิธีเปลี่ยนที่ทำงานให้เป็นลานแห่งการทำบุญโดยการให้ทาน
ครูบิ๊กได้เปิดมุมมองใหม่ว่า จงใช้เวลาทุกนาทีในการทำงานให้ทานด้วยของ 6 อย่างนี้
ให้เมตตา ซึ่งแปลว่าความรักความปรารถนาดี ทำได้ง่ายๆโดยการแผ่เมตตาให้ลูกค้าภายนอกและลูกค้าภายในทุกวัน ด้วยประโยคสั้นๆว่า “ขอให้+ชื่อลูกค้า+มีความสุข” และได้ลองหัดแผนเมตตาให้กันและกัน
ให้รอยยิ้มและความอ่อนน้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าตาก็ต้องการจากผู้ให้บริการ และแบ่งปันกรณีศึกษาจากบริษัทสหพัฒนพิบูล
ให้คำพูดที่ไพเราะ พูดจาอ่อนหวานทั้งกับลูกค้าภายนอกและลูกค้าภายใน และแบ่งปันกรณีศึกษาจากบริษัทอิเกีย และการทดลองเกี่ยวกับคำพูด ของดร. อาจอง ชุมสาย
ให้แรงกายแรงใจ ซึ่งหมายถึงการทำงานอย่างเต็มที่ แต่ครั้งนี้เราจะทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น เพระตระหนักแล้ว่าหยาดเหงื่อแรงกายที่ลงไป คนที่ได้บุญคนแรกคือตัวเราเอง
ให้มุทิตาจิต ซึ่งหมายถึงการเดินไปชื่นชมเมื่อเห็นผู้อื่นทำงานเก่งกว่าเรา หรือได้ดีกว่าตัวเรา ไม่อิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน
ให้อภัย ซึ่งเป็นการให้ที่ยากที่สุด ครูบิ๊กได้แบ่งปันว่า “การทำงานต้องมีกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา เมื่องานจบ การกระทบกระทั่งก็ควรจะจบด้วย ดังนั้นหากจบงานแล้วแต่เรายังผูกใจเจ็บกับคู่กรณี นั่นเป็นบาปของเราเอง” การผูกใจเจ็บกับเพื่อนร่วมงาน จึงเป็นการทำให้ตนเองขาดทุนโดยแท้ ควรเริ่มปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระด้วยการให้อภัยตั้งแต่วันนี้
2. หัวข้อ "พญามารและผี 3 ตัว" หลังจากผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้แล้วว่า คนเราเกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมี (ทำความดีและพัฒนาตนเอง) มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าอบรมตั้งใจจะใช้ชีวิตตามวัตถุประสงค์ แต่ความตั้งใจอันดีนี้ย่อมไม่เป็นที่พอใจของพญามาร ผู้ซึ่งต้องการให้มนุษย์ทำบาป และพาตนเองไปสู่ความตกต่ำ เดือดร้อน พญามารจึงใช้ลูกน้องทั้ง 3 คือผีขี้โลภ (โลภะ) ผีขี้โกรธ (โทสะ) และผีขี้หลง (โมหะ) มาชักนำให้มนุษย์ไขว้เขวออกจากความดี
พี่ทั้ง 3 ตัวมีวัตถุประสงค์ในการทำ 3K ต่อชีวิตมนุษย์ ได้แก่
K เข่นฆ่า : มนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษที่สัตว์อื่นไม่มี สิ่งนั้นคือสติ วิธีการทำลายสติที่ง่ายที่สุดคือทำให้มนุษย์ตายไปเสีย
K ขโมย ( ความหวัง ความฝัน และการพัฒนาตนเองของมนุษย์) : หากฆ่ามนุษย์ไม่ได้ พญามารก็จะพยายามให้มนุษย์ใช้ชีวิตย่ำอยู่กับที่ ห่อเหี่ยว ไร้ความหวังความฝัน และไม่พัฒนาตนเอง )
K คุกคาม : คือพยายามทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตด้วยความกังวล ชีวิตถูกถ่วงไว้ด้วยความเจ็บปวดในอดีต หรือความกังวลฟุ้งซ่านกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
โดยผีทั้ง 3 ตัว จะเข้าสิงใจมนุษย์ ผ่านทางประตูทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย เมื่อเข้าสิงแล้ว..ผีแต่ละตัวก็จะส่งอารมณ์บางอย่างเข้าครอบครองใจมนุษย์
ผีขี้โลภ ส่งอารมณ์ รัก ชอบ อยาก หวงกั้น ยึดติด
ผีขี้โกรธ ส่งอารมณ์ ไม่ชอบ ไม่อยาก รำคาญ เบื่อ โกรธแค้น อาฆาตพยาบาท
ผีขี้หลง ส่งอารมณ์ฟุ้งซ่าน เหม่อลอย มโน สงสัย สนุก อร่อย และเพลิดเพลิน
จากนั้นครูบิ๊กมี workshop ให้ผู้เข้าอบรมฝึกจับผีที่เข้าสินใจทางช่องทางต่างๆทั้ง 5 ประตู ผู้เข้าอบรมสนุกสนาน และจับผีได้แม่นยำมากทีเดียวค่ะ
3. หัวข้อ "การทำงานของกาย-ใจ" และ "สติคือรั้วกันภัย" ก่อนจะเรียนหัวข้อนี้ เป็นยามเช้าอากาศสดใส ครูบิ๊กจึงได้มีกิจกรรมให้ผู้เข้าอบรมเดินประคองแก้วน้ำรอบๆรีสอร์ท เพื่อฝึกสติและสมาธิ ให้ใจอยู่กับแก้วน้ำ พร้อมสังเกตสิ่งที่เข้ามากระทบทาง ตา หูจมูกและผิวกายสัมผัส จากนั้นไปทำกิจกรรม “น้ำใสใจบริสุทธิ์” เพื่อถอดรหัสว่า..หากน้ำใสๆคือใจของเรา การจะทำใจให้สกปรกนั้นเป็นเรื่องง่ายและสนุกสนาน ตรงข้ามกับกระบวนการทำใจให้สะอาด (ด้วยการทำบุญและฝึกสติ) ซึ่งจะมีขั้นตอนมากมาย ต้องวางแผน ต้องทำซ้ำหลายๆครั้ง น้ำจึงจะสะอาดได้ ตรงนี้ทำให้หลายคนรู้สึกเบื่อกับการมาทำความสะอาดใจ แต่เมื่อผู้เข้าอบรมได้ทราบความจริงในข้อนี้ จะได้เตรียมตั้งรับและมีความมุ่งมั่นในการทำใจของตนให้สะอาดสดใสต่อไป
หลังจากนั้นเข้ามาทำกิจกรรมต่อในห้องเรียน เริ่มด้วยกิจกรรม “น้องกาย น้องใจ” เป็นการถ่ายทอดนิสัยของใจซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์ ว่าใจมีนิสัยอยู่ไม่นิ่ง และต้องมีสิ่งยึดเกาะตลอดเวลา คุณสมบัติข้อหลังนี้..เป็นจุดอ่อนที่พญามารจะใช้โจมตีทุกชีวิต โดยการให้ผีทั้ง 3 ตัวมาชักชวนใจไปทำในสิ่งที่ผิดบาป หากใจไม่มีสติคอยคุ้มกันก็จะคอยไหลไปตามอิทธิพลของผีทั้ง 3 เรื่อยไป ทำให้ชีวิตของตนเองตกต่ำเดือดร้อน
ต่อเนื่องด้วยกิจกรรม “ล้อมรั้วหัวใจ” ถอดรหัสว่ารั้วที่จะกั้นภัยจะผีทั้งสามก็คือ “สติ” ซึ่งหมายถึงการนำใจไปยึดเกาะไว้ที่ฐานทั้งสามคือ 1)ลมหายใจ 2)การเคลื่อนไหว 3)การงาน (ซึ่งหมายรวมถึงกิจวัตรประจำวัน และงานที่บริษัทหรือองค์กร) พร้อมกันนี้ครูบิ๊กได้แนะนำวิธีการเจริญสติอย่างง่ายๆ รับรองว่าทำได้ในชีวิตประจำวัน และไม่เป็นภาระกับชีวิตอันเร่งรีบของมนุษย์ยุค 4G อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น การกำหนดเสียงในชีวิตประจำวันแทนเสียงระฆังแห่งสติ บางคนอาจใช้เสียงมือถือ เมื่อมือถือดังให้กลับมาอยู่กับลมหายใจ สัก 2-3 ลมก่อน แล้วจึงรับโทรศัพท์ ก็จะทำให้การสนทนาในครั้งนั้นเต็มไปด้วยสติมากขึ้น ไม่ทุ่มเถียงกันด้วยอารมณ์และความรู้สึก
4. หัวข้อ "สำนึกขอบคุณและความกตัญญู" หัวข้อนี้ เป็นกิจกรรมที่ดัดแปลงมาจากสุนทรียสนทนา คือการพูดคุยอย่างเปิดใจและอบอุ่น หัวข้อการสนทนาในกลุ่มแบ่งเป็น 5 รอบ โจทย์ได้แก่ ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย กำลังใจ และความตั้งใจดี ผู้เข้าอบรมต่างพูดคุยกันอย่างอบอุ่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่งค่ะ
กิจกรรมสุดท้ายก่อนปิดค่าย คือกิจกรรม “ลูกโป่งหัวใจ” ที่ครูบิ๊กใช้ลูกโป่งเป็นสัญลักษณ์เพื่อถอดรหัสว่า หัวใจที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ย่อมเปราะบางต่อสิ่งกระทบ ระเบิดได้ง่ายแม้โดนกระทบเพียงเล็กน้อย แต่หากเราพยายามฝึกสติด้วยการรู้สึกตัวให้มากและบ่อย เปรียบเสมือนเรานั่งสก๊อตเทปมาคาดปกป้องใจไว้ ดังนั้นต่อไป.แม้ใจจะโดนสิ่งกระทบเท่าไหร่ ก็ไม่แตกระเบิด แถมยังสามารถ ผ่อนอารมณ์ทางดีและทางร้ายที่อัดแน่นอยู่ในใจได้อีกด้วย
ท้ายสุดผู้บริหารกลุ่มบริษัทอีซูซุตังปักอุบล ได้นำคณะผู้เข้าอบรม ถวายปัตติทานอันเกิดจากการพัฒนากายใจ 2 วันที่ผ่านมา เป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ผู้ซึ่งเราเคารพรักยิ่ง
จบๆกันไปด้วยความอบอุ่นประทับใจ ขอขอบคุณผู้บริหารและผู้เข้าอบรมทุกท่านที่เห็นความสำคัญของธรรมะ และขอให้ประทีปแห่งปัญญาจงสว่างไสวเป็นเกราะกันใจ และเป็นแสงสว่างนำชีวิตของทุกคนไปสู่ความรุ่งเรืองค่ะ