ธรรมะง่าย ๆ กับวิทยการธรรมะ –ครูบิ๊ก-สัปดาห์นี้ ชวนทุกท่านขบคิดว่า ขณะที่โลกกำลังสั่นสะเทือนเรื่อง “ป่า” จากกรณีไฟป่าแอมะซอน ครูบิ๊กจึงขอชวนท่านมองย้อนมุมมองเรื่อง “ป่าและต้นไม้” ในมุมมองของพุทธศาสนากันบ้างค่ะ พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า “ต้นไม้คือมิตร เราไม่ควรทำร้ายมิตร ผู้ใดประทุษร้ายมิตร ถือว่าเป็นคนชั่ว เลวทราม” เมื่อศึกษาลงไปแล้ว เราจะพบว่าพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่ผูกพันธ์และปลูกฝังแนวคิดอนุรักษ์ป่าไม้อย่างมากค่ะ จะเห็นได้จากมุมมองที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ
1. พระพุทธเจ้าทรงละทิ้งชีวิตเมืองที่แสนสบาย เพื่อมาอยู่ป่าอยู่โคนไม้และแสวงหาโมกขธรรม
2. เหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติ ล้วนเกิดในป่าทั้งสิ้น อาทิ ป่าลุมพินีวัน (สถานที่ประสูติ) ป่าอิสิปตนมฤคยทายวัน (ที่แสดงธรรมครั้งแรก) ป่าเวฬุวัน (ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ในวันมาฆะบูชา) ป่าสาละวัน (สถานที่เสด็จปรินิพพาน ฯลฯ
3. มีคำสอนมากมายที่ทรงอุปมาอุปมัยกับป่าหรือต้นไม้ อาทิ
a. ทรงพิจารณาเห็นสติปัญญาทางธรรมของมนุษย์เฉกเช่นบัว 3 เหล่า
b. ในโอวาทปาติโมกข์ ทรงสอนให้ภิกษุ “พอใจในเสนาสนะอันสงัด” ซึ่งก็หมายถึง “ป่า” นั่นเอง
c. ในอานาปานสติสูตร ทรงชี้ที่ที่เหมาะสมในการเจริญสติ หนึ่งในสถานที่เหล่านั้นคือ “โคนไม้”
4. พระวินัยหลายข้อแสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงเคารพป่าอย่างมาก และทรงบัญญัติให้ภิกษุรักษ์ป่าเช่นกัน อาทิ
a. หากต้องการฝึกฝนตนเองขั้นเข้มข้นโดยการถือนิสสัย 4 และธุดงควัตร 13 ทรงสรรเสริญการอยู่ป่า
b. ห้ามภิกษุเผาป่า (เว้นเผาเพื่อเป็นแนวกันไฟ)
c. ห้ามสร้างกุฏิที่ทำด้วยดินเผา เพราะในกระบวนการต้องทำให้สัตว์ในดินเดือดร้อน
d. ระหว่างการสร้างโบถส์วิหาร ไม่ยืนบนของเขียว
e. ห้ามใส่รองเท้าทำด้วยวัสดุทำลายธรรมชาติ เช่น ใบตาลหรือใบลาน
และยังทรงเคยตอบคำถามเทวดาอีกด้วยนะคะ ว่าหาก “ต้องการได้บุญตลอดกาล ให้ปลูกไม้ดอก ไม้ผล และไม้ให้ร่มเงา” หากทำเช่นนี้และตั้งอยู่ในศีลธรรม สวรรค์นั้น...เป็นอันหวังได้ค่ะ
รู้อย่างนี้แล้ว ไม่ต้องรอให้เกิดไฟป่า เราชาวพุทธก็สามารถสร้างบุญโดยการเคารพธรรมชาติ รักป่า และปลูกต้นไม้กันเยอะ ๆ นะคะ