ธรรมะง่าย ๆ กับวิทยากรธรรมะ - ครูบิ๊ก - สัปดาห์นี้เป็นตอนสุดท้ายและส่งท้ายวิกฤตโควิด ถอดบทเรียนข้อคิดที่ได้ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้เรียนรู้หรือฝึกฝนตนเองอย่างไรบ้าง รวมถึงมองไปในอนาคตกับชีวิตวิถีใหม่ ได้เรียนรู้อะไรมาดูกันเลยค่ะ
:::: 1) ได้พิจารณาอสุภะ from home ::::
ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง เป็นกรรมฐานขั้นเบสิกที่พระพุทธเจ้าให้พิจารณาถึงความน่ารังเกียจ ความเสื่อมและความไม่งามของเปลือกทั้ง 5 อย่างนี้ เพียงแต่..ก่อนโควิดพวกเราประโคมโหมแต่งจนเรามองไม่เห็นอนิจจังของมันเลย ทีนี้พอโควิดมาปั๊บ...ร้านตัดผม จัดฟัน สถานเสริมความงามปิดหมด แถมยังปิดนานเกือบ 2 เดือน ตอนนี้เองที่ธรรมชาติของขน ผม เล็บ ฟัน หนัง ก็แสดงให้เราเห็นต่อหน้าต่อตากันล่ะ ผมขาวจนแทบจะเล่นหนังจีนได้ ผมยาวจนใกล้จะเป็นโจรเต็มที เล็บที่ทำสีไว้ ต่ออะคลิลิกไว้อย่างสวยงาม บัดนี้ก็หักกร่อนจนน่าเกลียดกว่าเล็บธรรมชาติเสียอีก หนังที่เคยดึงให้ตึงไว้ด้วยเทคโนโลยีความงาม..สองเดือนผ่านไปก็แสดงความหย่อนคล้อยให้เห็นต่อหน้าต่อตา
นี่ล่ะค่ะ...แค่อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ไม่ต้องไปนอนป่าช้าก็พิจารณาอสุภะได้ง่ายๆ เลย
:::: 2) ได้ฝึกสำนึกขอบคุณ from home ::::
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า หนึ่งในสิ่งที่หายากในโลกคือ “คนกตัญญู” ค่ะ หมายถึงคนที่มีสำนึกขอบคุณกับทุกสิ่งรอบตัว ซึ่งก็ตรงกับที่ทางตะวันตกศึกษาพบว่า คนที่มี #สำนึกขอบคุณ (Gratitude) จะเป็นคนที่มีความสุข เพราะคุณไม่สามารถขอบคุณและโกรธในขณะเดียวกันได้ การมองหาสิ่งดีและมองโลกในแง่บวกจึงเป็นสิ่งแรกที่เราทำได้ง่าย ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข
ดังนั้น แทนที่จะก่นด่าสถานการณ์ที่บีบคั้น หรือพร่ำรำพันถึงสิ่งที่ตัวเองสูญเสียไป ทำไมเราไม่หัดมองสิ่งที่เรายังมีอยู่และขอบคุณสิ่งเหล่านั้นล่ะ เมื่อทำได้แล้วก็ให้เราขยายวงกว้างออกไป และ…
-ขอบคุณไวรัสตัวเล็ก ๆ ที่ทำให้เราได้ตระหนักว่า “ความไม่มีโรค..เป็นลาภอันประเสริฐ” จริง ๆ ทำให้เราไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต ระมัดระวังรักษาสุขภาพของตัวเองมากขึ้น
-ขอบคุณโลกอินเทอร์เน็ทและเทคโนโลยีในการสื่อสารที่ทำให้การทำงานที่บ้านและการกักตัวไม่ได้เลวร้ายเกินไป
-ขอบคุณสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า ประปา บริการโลจิสติกส์ทั้งหลายที่ทำให้ชีวิตประจำวันยังขับเคลื่อนไปได้
-ขอบคุณพ่อค้า แม่ค้า พนักงานบริการ พนักงานขายของ พี่ ๆคนเก็บขยะ ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ
-ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชนทุกท่านที่บริหารจัดการภาวะวิกฤตนี้อย่างสุดความสามารถ
:::: 3) ได้ต่อสู้กับกิเลส from home ::::
โลภะ โทสะ โมหะ ต่างก็มารบกวนและสร้างความเดือดร้อนให้เราตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนยุคไวรัส เรามักทำ 2 อย่าง...คือตามใจกิเลส กับวิ่งหนีกิเลส ความโลภบอกว่าอยากกินอะไรก็หามากิน ความโกรธบอกว่าเบื่อสถานการณ์ไหนก็วิ่งหนีออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ความหลงบอกว่าอยากเพลิดเพลิน..เราก็วิ่งไปโรงหนังหรือร้านอาหาร พอโควิดมาปุ๊บ..ร้านอาหารก็ปิด โรงหนังก็ปิด อยากไปไหนก็ไปไม่ได้ คราวนี้ก็ทำได้อย่างเดียวคือต้องประจันหน้ากับกิเลสกันล่ะ ดังนั้นหลายคนจะเห็นอาการชัดเจนว่าการที่เราไม่สามารถตามใจกิเลสนั้นมันทุรนทุรายแค่ไหน แต่ที่เราต่อสู้กับมันมาได้จนถึงเดี๋ยวนี้ก็นับว่าจิตใจเราแข็งแกร่งขึ้นมากแล้วล่ะค่ะขอบคุณโคโรน่าไวรัสจริงๆ
:::: 4) ได้ฝึกรักตัวเองที่สุด from home ::::
พระพุทธเจ้าทรงรับรองว่า รักแท้นั้นคือการรักตนเอง และที่ผ่านมาเกือบสองเดือน เราก็ได้พิสูจน์ความจริงข้อนี้ให้ประจักษ์ เราพร้อมใจให้ความร่วมมือที่จะอยู่บ้าน งดการเดินทาง-สังสรรค์ ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้ตัวเราเองป่วย และผลของการรักตัวเองนี้ก็แจ่มชัดอยู่ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลง
จงอย่าหยุดรักตัวเองนะคะ เมื่อเปิดเมืองแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเชื้อโควิดนี้หมดไป เรายังคงต้องรักตัวเองต่อไป ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ออกจากบ้านต้องใส่หน้ากากอนามัย ไปไหนก็พกเจลล้างมือ ลดการสัมผัสหน้า ล้างมือบ่อย ๆ และอย่าพาตัวเองไปในสถานที่เสี่ยง ถ้าทุก ๆ คนในสังคมพร้อมใจกันรักตัวเองได้เช่นนี้ เชื่อว่าเราต้องจำกัดการระบาดของโควิด 19 ได้แน่นอนค่ะ
สุดท้าย ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ร่วมต่อสู้และอดทนกันมาได้ถึงจุดนี้ ถึงท่านจะไม่รู้สึกแต่เชื่อเถอะค่ะว่า..จิตวิญญาณของท่านตอนนี้..เติบโตมากกว่าเมื่อ 2 เดือนที่แล้วอย่างมากมาย และเราก็ผ่านมันมาได้ด้วยกันค่ะ
ขอบุญกุศลที่ทุกท่านได้ประกอบมาดีแล้ว จงเป็นเกราะคุ้มกันให้ทุกท่านรอดปลอดภัยจากไวรัส เพราะ #ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ค่ะ