ครั้งที่ 2 ของการมาเป็นวิทยากรบรรยายธรรม คอร์ส "อยู่อย่างไรให้ตายอย่างดี" ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2559 สัปดาห์นี้เราเริ่มต้นกันด้วยการสวดมนต์ พิจารณาสังขารของมนุษย์ ปฏิบัติภาวนาโดยการเดินจงกรมและนั่งสมาธิ และเรียนธรรมะผ่านมิวสิควิดิโอ "ตราบลมหายใจสุดท้าย" ของคุณปาน ธนพร และทิ้งท้ายด้วยเรื่อง "ภพภูมิในพุทธศาสนา" ครั้งนี้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้เรื่องทุคติภูมิ และภพภูมิมนุษย์ค่ะ
เริ่มด้วยการสวดมนต์ สัปดาห์นี้ครูบิ๊กมี "บทปลงสังขาร" มาให้ลองสวดกัน เพราะตั้งใจมาแล้วว่า วันนี้จะให้ผู้เข้าอบรมได้ชม MV เพลง "ตราบลมหายใจสุดท้าย" ของคุณปาน ธนพร เวกประยูรกัน
เริ่มกันด้วยการถามไถ่การบ้าน คิวบิกได้ให้ไว้เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน การบ้านมีอยู่ 3 ข้อด้วยกันคือ
การบ้านแรก : ให้เขียนบันทึกค่ะ โดยหัวข้อที่ให้บันทึกมี 3 หัวข้อคือ
1. ขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับเราในวันนั้น
2 วันนี้เราได้ทำเรื่องดีๆให้ใครบ้าง
3. ขอโทษคนที่เราอาจจะทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ
***โดยข้อ 3 เป็นข้อที่สำคัญที่สุด
การบ้านอย่างที่ 2 คือ ให้ทำความสะอาดใจโดยการนั่งสมาธิทุกวันไวรัสเพียง 5 นาทีเท่านั้นแต่ถ้าท่านใดสามารถนั่งมากกว่านั้นได้ก็ให้ทำ
การบ้านอย่างที่ 3 คือให้ทิ้งขยะทุกวันวันละ 1 ชิ้น โดยเริ่มจากขยะที่บ้านก่อน หากขยะที่บ้านหมดแล้วก็ให้ลามมาถึงในรถ ที่โต๊ะทำงาน กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ครูบิ๊กได้ให้ไว้ ก็คือริสแบนด์ค่ะได้ให้ผู้เข้าอบรมทุกคนเลือกคำหนึ่งคำและใช้ปากกาลูกลื่นเขียนคำหรือวลีเตือนใจลงไปบนริสแบนด์ ซึ่งก่อนจะจากกันเมื่อสัปดาห์ก่อนทุกท่านก็มีคำหรือประโยคเตือนใจเขียนบนริสแบนด์กันหมด
ครูบิ๊กเริ่มต้นกับการทำการบ้าน ว่าพวกเราทำการบ้านทุกคนทุกวันหรือไม่ ก็พบว่ามีผู้เข้าอบรมบางท่านที่ทำสม่ำเสมอทุกวัน แต่ก็มีบางท่านที่ไม่ทำเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องปกตินะคะ ว่าการทำอะไรที่ดีๆเพื่อใจและกายของเรานั้น ย่อมต้องอาศัยความพยายามและมีแรงเสียดทานมากพอสมควรในครั้งแรกๆ แต่ครูบิ๊กก็ได้ให้กำลังใจไป ว่า ไม่จำเป็นต้องทำให้ได้ทุกวัน หากเรามีภารกิจจริงๆ แต่ให้พยายามทำให้ได้มากและบ่อยที่สุด
จากนั้นก็มาถอดรหัสริสแบนด์ว่าทำไมจึงเลือกริสแบนด์ที่เป็นสีขาว ทั้งๆ ที่มันสกปรกง่ายมากๆ ซึ่งจุดนี้ผู้เข้าอบรมถอดรหัสได้ถูกต้องว่า เปรียบเสมือนกับการรักษาใจของเราให้บริสุทธิ์ก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นเดียวกัน
จากนั้นก็มาถอดรหัสคําอวยพรวันเกิด 3 ข้ออันประกอบด้วย
1. ขอให้ไม่ได้ผุดได้เกิด
2 ขอให้ไม่มีอนาคต
3.ขอให้หมดเนื้อหมดตัว
ซึ่งตรงนี้ผู้เข้าอบรมสามารถถอดรหัส 2 ข้อได้ไปแล้ว
ขอให้ไม่ได้ผุดได้เกิด : หมายความว่าขอให้พวกเราเข้านิพพานกันทุกคนจะได้ไม่ต้องเกิดอีก
ขอให้ไม่มีอนาคต : หมายความว่าขอให้อยู่กับปัจจุบัน
แต่ผู้เข้าอบรมยังไม่สามารถถอดรหัสพรข้อที่ 3 ได้ว่าขอให้หมดเนื้อหมดตัวหมายความว่าอะไร แต่ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อเราอบรมกันจบจะต้องถอดรหัสได้อย่างแน่นอน
จากนั้นครูบิ๊กก็ใช้แผนภาพอธิบายต้นกำเนิดของความทุกข์ว่า เกิดจากการกระทบ และเพราะมีตัวกูเราจึงกระเทือน เมื่อกระเทือนแล้ว ผีสามตัวซึ่งประกอบด้วยผีขี้โลภ ผีขี้โกรธ ผีขี้หลงก็จะเข้ามาผสมโรงกระโดดขี่คอให้เราไปกระทำการออกทางกาย วาจา และใจ เมื่อทำกรรมไม่ว่าดีหรือชั่วก็ต้องกลับมารับผลของกรรมดีหรือกรรมชั่วนั้นในชาติต่อไป ก็วนเวียนเกิดตายเช่นนี้ไม่เลิก
จากนั้นก็เข้าสู่ชั่วโมงปฏิบัติโดยการเจริญภาวนาในอิริยาบถนั่งและอิริยาบถเดิน ในครั้งนี้ครูบิ๊กได้อัญเชิญอานาปานสติสูตรมาให้ผู้เข้าอบรมได้น้อมนำไว้เป็นหลักในการดูลมหายใจระหว่างการนั่งสมาธิ และได้ให้ผู้เข้าอบรมลองนั่งสมาธิด้วยวิธีอานาปานสติประมาณ 15 นาที
จากนั้นก็เป็นการเจริญสติในอิริยาบถเดิน ซึ่งครูบิ๊กก็ได้อธิบายให้ผู้เข้าอบรมฟังก่อนว่า ในพระสูตรจริงๆแล้วพระพุทธเจ้าให้เดินด้วยความเร็วปกติ เพียงแต่มีสติระลึกรู้อริยาบทเดินเท่านั้น แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องสถานที่ จึงขออนุญาตที่จะใช้แนวทางการเดินจงกรมของท่านพระอาจารย์มานพ อุปสโม และได้อธิบายวิธีการเดินจงกรมในแบบของท่านพระอาจารย์มานพให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบ เมื่อผู้เข้าอบรมเข้าใจแล้ว จึงได้ลองให้ผู้เข้าอบรมเดินจงกรมอีก 15 นาที
เมื่อเดินจงกลมและนั่งสมาธิเสร็จแล้วเราแผ่เมตตาร่วมกัน
ระหว่างพักเบรค 15 นาทีนี้ พี่ๆ หลายท่านมากเดินมาพูดถึงมิวสิควีดีโอเพลงตราบลมหายใจสุดท้ายของคุณปานธนพร ซึ่งครูบิ๊กบอกว่า ใจตรงกันเลยค่ะ เพราะอยากจะนำมาให้พี่พี่ทุกคนได้ดูอยู่แล้ว จึงเริ่มเนื้อหาหลังเบรคด้วยการให้ทุกคนชมมิวสิควีดีโอเพลงนี้ ตอนแรกครูบิ๊กรู้สึกกลัวเหมือนกันว่ามีภาพที่ค่อนข้างจะน่ากลัวอยู่ พี่ๆ จะรับได้หรือไม่ แต่ก็ปรากฏว่าทุกท่านดูได้จนจบ
มิวสิควิดีโอเพลงนี้สามารถถอดรหัสเรื่องการเกิดมาได้ดีมากนะคะ ต้องขออนุโมทนาบุญกับผู้สร้างสรรค์ทุกท่าน ครูบิ๊กได้เล่าที่มาที่ไปของมิวสิควีดีโอเพลงนี้ว่าเกิดจากพระสูตรที่เกี่ยวกับพระนางเขมา ซึ่งเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร นางเป็นผู้ที่หลงรูปตัวเองมาก พระพุทธองค์จึงใช้อุบายสอนนาง โดยเนรมิตนางอัปสรรูปงามให้นางได้เห็น จากนั้นก็เนรมิตให้นางอัปสรนั้นค่อยๆ แก่หง่อม เหี่ยว ตายและร่างค่อยๆเน่าเปื่อยไป นางเขมาได้เห็นดังนั้นจึงได้ดวงตาเห็นธรรม
ตรงนี้ครูบิ๊กได้อธิบายเพิ่มเติมว่าร่างกายของมนุษย์จริงๆนั้นไม่ใช่ของเราเลย เป็นเพียงการประชุมกันของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟเท่านั้น เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมชีวิตก็เกิดขึ้น เมื่อหมดเหตุปัจจัยธาตุทั้ง 4 ก็กลับคืนสู่ธรรมชาติ โดยลมจะไปก่อน เวลาคนตายเราจึงเรียกกันว่าสิ้นลม เมื่อไม่มีลมไฟก็ดับ เมื่อไฟดับตัวจะเย็น จากนั้นน้ำก็จะพังออกมาทางทวารทั้งหลาย เหลือเพียงแต่ธาตุดินให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจ สุดท้ายก็นำธาตุดินที่เหลือจากการเผาแล้วไปลอยอังคาร ธาตุดินก็กลับคืนสู่ธรรมชาติ สิ้นสุดชีวิตหนึ่งชีวิตแต่เพียงเท่านี้
และช่วงท้ายของการฝึกอบรมครูบิ๊กก็ได้อธิบายเรื่องภพภูมิในพุทธศาสนาต่อจากเมื่อครั้งก่อน โดยทบทวน เนื้อหาเรื่องทุคติภูมิก่อน จากนั้นพูดถึงภพภูมิมนุษย์ซึ่งมีอภิสิทธิ์อยู่ 4 ประการคือ
1. มนุษย์เป็นภพภูมิที่มีสติ ต่างจากสัตว์เดรัจฉานที่ไม่มีสติ มันจะทำอะไรก็ด้วยสัญชาตญาณทั้งสิ้น ส่วนภพภูมิที่สูงกว่ามนุษย์คือเทวดานั้น ก็มีความสุขมากเสียจนแทบไม่มีสติเลย
2 มนุษย์เป็นภพภูมิแห่งทางเลือก หมายความว่าเมื่อเราเผชิญกับสิ่งกระทบใดก็ตามเรามีทางเลือกว่าเราจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งนั้นอย่างไร ในขณะที่สัตว์เดรัจฉานไม่มี เมื่อมีคนมาทำร้ายมัน มันจะทำร้ายตอบทันที แต่เมื่อมีคนมาทำร้ายมนุษย์หากเรามีสติรู้ทันเราจะเลือกได้ว่าเราจะทำร้ายตอบกลับไป หรือเลือกที่จะให้อภัยแล้วเดินหนี
3. มนุษย์เป็นภพภูมิที่มีทั้งทุกข์และสุขให้เห็นดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงเลือกที่จะมาตรัสรู้ได้สอนบุคคลในภพภูมิมนุษย์ ก็เมื่อพระพุทธเจ้าเทศน์ว่าชีวิตมีแต่ความทุกข์มนุษย์จะนึกออกเพราะเขาเคยสัมผัสกับทุกข์มาแล้ว ดังนั้นเมื่อพระพุทธเจ้าสอนว่าไม่อยากทุกข์อีกก็ควรไปนิพพาน มนุษย์จะเชื่อได้โดยง่าย ตรงข้ามกับภพภูมิเทวดานะคะ ที่มีแต่ความสุขเพียงอย่างเดียว ลองคิดดูว่าพระพุทธเจ้าไปสอนเทวดาว่าชีวิตนี้มีแต่ความทุกข์ เทวดาคงจะนึกไม่ออกเพราะไม่เคยประสบกับความทุกข์เลย
4.เป็นอภิสิทธิ์ที่สำคัญมากนะคะก็คือการไปนิพพานต้องไปจากภพภูมิมนุษย์เท่านั้นค่ะ
หมดเวลาของการอบรมครั้งที่ 2 เพียงเท่านี้ ครั้งหน้าครูบิ๊กจะสอนต่อเรื่องภพภูมิเทวดาและพรหมนะคะ ที่สำคัญคือเราจะได้เห็นภาพรวมของสังสารวัฏทั้งหมด และที่สำคัญกว่านั้นคือส่วนสีเขียวที่เรียกกันว่าส่วนพระอริยบุคคลนั้นเอง ถ้าใครสนใจวิธีการไปสวนสีเขียวอย่าลืมติดตามการอบรมครั้งที่ 3 นะคะ
อยู่อย่างไรให้ตายอย่างดี รุ่นที่ 1 ครั้งที่ 1/6