วันที่ 1
เริ่มค่ายกันด้วยการแนะนำตัว แบ่งกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมเก็บคะแนน และครูบิ๊กได้เริ่มต้นค่ายด้วยการบรรยายเรื่อง “การทำบุญในพุทธศาสนา” ซึ่งทำได้ด้วย 3 วิธีคือ ทาน ศีล และภาวนา วิธีการทำบุญที่ง่ายที่สุดคือการให้ทาน แต่น้อยคนจะรู้ว่าเราสามารถให้ทานได้ แม้ในระหว่างปฏิบัติงานที่สำนักงานของเรา และหลักการนี้เรียกว่า “service mind สไตล์พุทธ”
ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “ของ 6 อย่าง” ที่เราสามารถให้เป็นทานได้ขณะทำงานอยู่ที่สำนักงานของเราเอง 6 อย่างนั้นประกอบด้วย
1 .การให้เมตตา
2. ให้รอยยิ้มและความอ่อนน้อม
3. ให้คำพูดที่ไพเราะ
4. ให้ความช่วยเหลือด้วยแรงกายแรงใจ
5. ให้ความยินดีเมื่อผู้อื่นทำดีหรือได้ดี (มุทิตาจิต) และสุดท้ายคือ
6. ให้อภัย
หากชาวพุทธทุกคนเรียนรู้ที่จะให้ทั้ง 6 สิ่งนี้ระหว่างทำงาน บรรยากาศในการทำงานก็จะดีขึ้น เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมากขึ้น เป็นบรรยากาศที่น่าทำงานที่เดียวค่ะ
ช่วงค่ำของวันที่ 1 ได้แบ่งปันเรื่องการภาวนาขั้นต้นหรือการทำจิตให้สงบ ด้วยวิธีการยืนสมาธิ เดินจงกรม ซึ่งผู้เข้าอบรมตั้งใจกันมาก เพราะเมื่อจบบัลลังก์ของการปฏิบัติภาวนา เราได้มีการแผ่บุญอุทิศแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ขออนุโมทนาค่ะ
วันที่ 2
จากนั้นเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องฝึกอบรมต่อในหัวข้อ “ภพภูมิในพุทธศาสนา” ความยากของการเกิดเป็นมนุษย์ ความเสี่ยงที่จะไปเกิดในอบายภูมิ การใช้ชีวิตด้วยศีล 5 และสติ ซึ่งเป็นคุณธรรมสำคัญของมนุษย์ และเมื่อมาถึงชั่วโมงภาวนาของวันที่ 2 ครูบิ๊กได้เพิ่มวิธีการภาวนา ในอิริยาบถนั่งหรือการนั่งสมาธินั่นเอง
ช่วงบ่ายมาทำความรู้จักกับกิเลสทั้ง 3 หรือที่ครูบิ๊กออกแบบกิจกรรมว่า “ผีสามตัว” คือผีขี้โลภ(โลภะ) ผีขี้โกรธ(โทสะ) และผีขี้หลง(โมหะ) ซึ่งมีหน้าที่มาคอยสร้างความเดือดร้อนให้กับทุกชีวิตในโลก แต่มนุษย์มีเครื่องมือที่จะป้องกันกายใจจากผีทั้ง 3 เหล่านั้นได้ เครื่องมือที่ว่านั้นคือสติซึ่งแปลว่าความรู้สึกตัวนั้นเอง จุดนี้ได้ทำกิจกรรมที่ชื่อว่า “มันคืออะไร” เป็นกิจกรรมที่ฝึกให้ผู้เข้าอบรม รู้ทันผีทั้ง 3 ตัวที่จะเข้าครอบครองใจผ่านทางอายตนะจมูกและลิ้นซึ่ งผู้เข้าอบรมรู้ทันกายใจได้ดีมากค่ะ
เมื่อแดดร่มลมตกแล้ว เราไปทำกิจกรรมต่อที่ร้านด้านนอก ชื่อว่ากิจกรรม “น้ำใสใจบริสุทธิ์” ซึ่งถอดรหัสได้ว่าการทำใจให้สกปรกและหม่นหมองนั้นมักมีความสนุกซ่อนอยู่และทำได้ง่าย ตรงกันข้ามกับการทำใจให้สะอาดหมดจดจากกิเลส ซึ่งใช้เวลามาก ไม่สนุก ทำได้ยากและต้องใช้สติสมาธิอย่างสูง ผู้ที่ตั้งใจทำจิตให้บริสุทธิ์จึงต้องใช้ความพยายามสูงกว่ามาก
ชั่วโมงปฏิบัติธรรมในช่วงค่ำจึงให้ผู้เข้าอบรมปฏิบัติในอิริยาบถที่ตนเองพอใจ จะเลือกยืนสมาธินั่งสมาธิ หรือเดินจงกรมก็ได้
จบด้วยการเรียนรู้ เรื่องบารมีทั้ง 10 และไม่ลืมที่จะอุทิศบุญกุศลทั้งหลายที่ได้เรียนรู้ธรรมะและปฏิบัติในวันนี้ ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
วันที่ 3
ช่วงเช้าฝึกวิทยายุทธให้เข้มขึ้นด้วยการเดินประคองแก้วน้ำเช่นเดิม แต่ครั้งนี้...น้ำเต็มแก้ว ผู้เข้าอบรมต้องใช้สติสมาธิที่สูงขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ทุกท่านก็ทำได้ดีมากค่ะ
และเราเริ่มต้นการอบรมวันสุดท้ายด้วยการปฏิบัติภาวนาในอิริยาบถที่ชอบ พร้อมอุทิศบุญให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก่อนนำสู่กิจกรรมสุดท้ายคือกิจกรรม “เคลียร์ใจ” ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เป็นผู้พูดและผู้ฟังโดยมีการพูด 4 รอบประกอบด้วย รอบขอบคุณ รอบขอโทษ รอบให้อภัย และรอบความตั้งใจดี
จบการอบรมด้วยโอวาทจากท่านอภัย เจริญมิตร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตตอกย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านดำเนินรอยตามความซื่อสัตย์และมุ่งมั่นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ตั้งใจรับใช้ประชาชนด้วยใจที่สุจริตและมีเมตตา
ครูบิ๊กขอขอบคุณท่านผู้บริหารของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้เข้าอบรมทุกท่านที่ตั้งใจกุฏเกล้ากายใจของตนเองตลอด 3 วัน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านดำเนินชีวิตและทำงานตามรอยบาทพระศาสด าและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ตลอดไปนะคะ
ชมประมวลภาพเพิ่มเติมของรุ่นที่ 1 ได้ที่นี่ค่ะ
ชมประมวลภาพค่ายรุ่นที่ 2 ได้ที่นี่ค่ะ
(12-14 ธันวาคม 2560)
ชมประมวลภาพค่ายรุ่นที่ 3 ได้ที่นี่ค่ะ
(15-17 ธันวาคม 2560)