อีกครั้งที่ครูบิ๊กได้รับความไว้วางใจให้มาเป็นวิทยากรสอนธรรมะเพื่อการทำงาน ในหัวข้อ "ทำงานสบาย สไตล์พุทธ ที่ บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งบริษัทได้แสดงให้เห็นว่า บริษัทให้ความสำคัญกับธรรมะมาก โดยการให้เวลากับคอร์สนี้ถึง 18 ชั่วโมง โดยแบ่งการสอนเป็นสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง ในวันพุธช่วงบ่าย เรียนสัปดาห์เว้นสัปดาห์ เป็นเวลา 6 สัปดาห์
ซึ่งเป็นการเรียนที่สบาย ผู้เรียนได้มีโอกาสนำส่ิงที่เรียนไปใช้ และนำกลับมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในสัปดาห์ถัดไป

ครูบิ๊กออกแบบเนื้อหาของคอร์ส "ทำงานสบาย สไตล์พุทธ" โดยเน้นการทำงานร่วมกันกับทั้งลูกค้าภายใน (เพื่อน นาย ลูกน้อง) และลูกค้าภายนอก (ลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการ) โดยคุณธรรมที่ย้ำและอธิบายให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจคือ ความเมตตา อ่อนน้อม การให้อภัย วิริยะ (ความเพียร) ขันติ (ความอดทน) ความไม่ประมาท สติ สมาธิ และ ความกตัญญูต่อนายจ้าง
ผู้บริหารกล่าวเปิดงาน

เนื้อหาวันที่ 1
ครูบิ๊กจึงเริ่มเนื้อหาใน 3 ชั่วโมงแรกด้วยเทคนิค service minded สไตล์พุทธ เพราะงานของบริษัทนี้เป็นงานบริการ ผู้เข้าอบรมทุกคนต้องทำงานกับทางลูกค้าภายนอกและลูกค้าภายใน จึงควรทราบว่าทุกชั่วโมงที่เราทำงานบริการนั้นเป็นการสร้างบุญให้กับตนเอง สมกับเป้าหมายของการเกิดเป็นมนุษย์ คือ เกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมี และได้ให้นิยามใหม่ของลูกค้า ว่าลูกค้า คือ “คนที่เคยเกิดเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก คู่สมรส และญาติสายโลหิตของเรา”
งานบริการ เป็นโอกาสที่เหมาะ ในการสร้างบุญโดยการให้ทาน และมี 6 อย่างที่เราสามารถให้เป็นทานได้ขณะทำงานนั่นคือ
1.ให้เมตตา ซึ่งผู้เข้าอบรมได้ทำ workshop ฝึกแผ่เมตตาให้กับเพื่อนร่วมงานด้วย
2.ให้ความอ่อนน้อมและรอยยิ้ม
3.ให้คำพูดที่ไพเราะ
4.ให้แรงกายเป็นทาน
5.ให้มุทิตาจิต และ
6.ให้อภัย
จากนั้น ได้เรียนรู้ความหมายของการทำงานอย่างมีสติ คือกายและใจอยู่ที่เดียวกัน แต่ใจมีหน้าที่ลอยฟุ้ง ออกไป ผู้ที่มีสติจะรู้สึกตัวและพยายามดึงใจกลับเข้ามา
ลองชิมลางการนั่งสมาธิที่ถูกต้องเป็นเวลา 10 นาที และจบด้วยการถวายบุญกุศลใดที่เกิดจากการเรียนธรรมะเป็นพระราชกุศลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ประมวลภาพกิจกรรม วันที่ 1
...
เนื้อหาวันที่ 2
เริ่มที่การไถ่ถาม การบ้าน ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วครูบิ๊กได้ให้ริสแบนสีขาว ให้ผู้เข้าอบรมเขียนคำที่ไว้เตือนสติ ผู้เข้าอบรมท่านหนึ่งส่งการบ้านได้น่าประทับใจมาก คือท่านเขียนคำว่า “ไม่ประมาท” ผู้เข้าอบรมท่านนี้เป็นฝ่ายขาย ซึ่งโดยปกติ เวลาไปพบลูกค้าจะไม่เผื่อเวลาการจราจรเอาไว้ ทำให้บางครั้งต้องโทรไปขอโทษลูกค้าว่าจะขอเข้าสายเนื่องจากรถติด แต่ในสัปดาห์ที่ท่านเขียนคำว่า “ไม่ประมาท” ไว้ที่ริสแบน ทำให้ท่านเผื่อเวลาไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ผลก็คือไปถึงออฟฟิศลูกค้าก่อนเวลานัดหมาย ได้มีโอกาสดูความเรียบร้อยของบุคลิกภาพก่อนเข้าพบลูกค้า ทำให้ไม่เหนื่อยมากจนเกินไป ไม่กระหืดกระหอบ บุคลิกดูน่าเชื่อถือ
จากนั้นก็เป็นการเรียนเนื้อหาธรรมะ ว่าพระพุทธเจ้า สอนเรื่องการกระทบ กระเทือน และกระทำ ซึ่งสาเหตุหลักของความทุกข์ ในชีวิตมนุษย์ก็คือขั้นตอนการกระทบนั่นเอง ดังนั้นหากอยากทุกข์น้อยลง ชาวพุทธควรรู้ทันการกระทบที่เข้าทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจให้มากที่สุด ฝึกรู้ทัน จากนั้นให้ทิ้งอารมณ์ ความยินดียินร้ายให้เร็ว แล้วกลับมาอยู่กับปัจจุบัน กระบวนการ “รู้-ทิ้ง-กลับ” ตรงนี้จะทำให้ ความทุกข์หดสั้นเข้า จากนั้นเข้าสู่ชั่วโมงการปฏิบัติโดยการนั่งสมาธิ และสัปดาห์นี้ได้เพิ่มเรื่องการยืนสมาธิในท่าที่สบายอีกด้วย
จากนั้นเรียนรู้การทำงานของกายใจ และผีสามตัว คือผีขี้โลภ ผีขี้โกรธ และผีขี้หลง ที่จะมาคอยชักจูงใจและกายไปทำในสิ่งที่ชั่วร้ายหรือทำให้ตนเองเดือดร้อน แต่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบเครื่องมือป้องกันกายและใจจากผี นั่นคือวงล้อมแห่งสติ ซึ่งได้ทำกิจกรรม ให้ผู้เข้าอบรมเห็นการทำงานเหล่านี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และเราจะฝึกสติได้โดยการนำใจไปไว้ที่ 1)ลมหายใจ 2)กายเคลื่อนไหว และ 3)การงานที่ทำอยู่ จบการอบรมวันที่ 2 ด้วยการถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9
ประมวลภาพกิจกรรมวันที่ 2
...
เนื้อหาวันที่ 3
เริ่มจากการทำจิตให้สงบ โดยการนั่งสมาธิ เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นครูบิ๊กนำออกไปทำกิจกรรมด้านนอก ในกิจกรรมที่ชื่อว่า น้ำใสใจบริสุทธิ์ การเล่นแบ่งเป็น 2 รอบ
รอบแรกให้ทุกคนทำน้ำให้สกปรกที่สุด ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ไม่มีใครยอมแพ้ใครเลย พากันใช้สิ่งสกปรกทุกอย่างที่คว้าได้ใกล้มือ ไม่ว่าจะเป็นดิน หิน ทราย ใบไม้
แต่กติกาในรอบ 2 ให้ทุกคนทำน้ำให้กลับมาใสสะอาดเหมือนเดิม โดยมีอุปกรณ์ในการกรองให้สามอย่าง คือกระชอนคั้นกะทิ กระชอนช้อนลูกน้ำ และผ้าขาวบาง แต่ละกลุ่มใช้ความพยายามอยู่นาน กว่าจะกรองน้ำให้ใสได้ แต่ก็ไม่สามารถกลับมาใสได้เท่าเดิมแน่นอน
ผู้เข้าอบรมทุกคนได้ช่วยกันถอดรหัสกิจกรรมนี้ว่า หากน้ำในถังคือใจของเราทุกคน จะเห็นว่าการทำน้ำให้สกปรกนั้นใช้เวลาน้อย และมีความสนุกสนานมาก ต่างกับกระบวนการทำน้ำหรือใจของเราให้สะอาด ที่ต้องอาศัยอุปกรณ์ อาศัยความตั้งใจ และใช้สติเป็นอย่างมาก ซึ่งอุปกรณ์ในการทำใจของเราให้ใสสะอาด พระพุทธเจ้าให้ไว้ 3 อย่าง คือทาน ศีล ภาวนานั้นเอง
จากนั้นได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องภพภูมิในพุทธศาสนา ว่าหากในเวลาทำงานเราปล่อยให้ผีขี้โลภ ขี้โกรธ ผีขี้หลงเข้าครอบงำใจ ก็เปรียบเสมือนเราได้ตกไปเป็นสัตว์นรก เปรต สัตว์เดรัจฉานไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ขอให้พวกเราทุกคนทำงานด้วยศีล 5 และสติ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของมนุษย์ และหากจะทำงานด้วยความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล มีเมตตากับผู้อื่นเข้าไปอีก ก็เท่ากับเราเป็นเทวดา เป็นพรหมในร่างมนุษย์เลยทีเดียว
จบการอบรมครั้งนี้ด้วยการ เดินจงกรมค่ะ
ประมวลภาพกิจกรรมวันที่ 3
...
เนื้อหาวันที่ 4
เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของการอบรม เนื้อหาวันนี้จึงเน้นเรื่องของการทำงานด้วยสติมากขึ้น เพราะสติ คือความรู้สึกตัว ซึ่งสร้างให้เกิดขึ้นได้ด้วยการฝึกนำใจไปไว้กับ 3 ฐาน คือ
1) ลมหายใจ
2) กายเคลื่อนไหว และ
3) การงานที่ทำอยู่ ซึ่งการงานนี้ มีความหมาย 2 นัยยะ
a. นัยยะแรกหมายถึง กิจวัตรประจําวัน เช่นอาบน้ำ แปรงฟัน
b. นัยยะที่ 2 หมายถึง การงานที่เป็นอาชีพ เป็นเครื่องเลี้ยงชีพของเรา เช่น การทำบัญชี งานฝ่ายขาย การฝ่ายการตลาด งานฝ่ายผลิตที่ต้องทำกับเครื่องจักร
ครูบิ๊กได้เน้นย้ำการฝึกสติด้วยฐานที่ 3 คือ “ฐานการงาน” มากเป็นพิเศษ เพื่อจะได้ให้เห็นว่า การฝึกสติสามารถทำได้ทุกเวลา และเวลาที่เราทำงานอยู่ก็ตาม เพียงแค่เรามีจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ เมื่อใจลอยไปก็ดึงกลับมาที่การงานเช่นเดิม เท่านี้ก็เป็นการฝึกสติแล้ว ไม่จำเป็นต้องหลีกเร้นไปเข้ากรรมฐาน 7 วันอย่างที่มักจะเข้าใจผิดกัน
ยังคงมีการฝึกสติ ด้วยการนั่งสมาธิ เดินจงกรม และยืนสมาธิเช่นเคย วันนี้ได้เปิดสื่อที่เกี่ยวกับการเอาชนะใจตนเองและความไม่แน่นอน ให้ผู้เข้าอบรมได้ฟังหลายสื่อ
ประมวลภาพกิจกรรมวันที่ 4
...
เนื้อหาวันที่ 5
วันที่ 5 เริ่มจากการสวดมนต์ไหว้พระตามปกติ จากนั้นครูบิ๊กได้แบ่งปันหลักธรรมที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น กฎของความอนิจจัง คือทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีสิ่งใดบังคับได้ตามใจเรา รวมทั้งสอนถึงเรื่องวัตถุภายนอก ที่ควรจะให้เราเป็นนายมัน...มิใช่ให้มันมาเป็นนายเรา
ช่วงกลางเป็นการปฏิบัติประจำวัน ซึ่งวันนี้...ให้เลือกการปฏิบัติได้ตามความชอบ ใครอยากนั่งสมาธิ ยืนสมาธิหรือเดินจงกรมก็ได้ จากนั้นพูดถึง “บารมีทั้ง 10” มีบารมีที่เรานำมาใช้ในชีวิตการทำงานได้บ่อยๆได้แก่ วิริยะคือความพยายาม ขันติคือความอดทน อุเบกขาคือการวางเฉย และปัญญาคือการคิดแก้ปัญหาในงานให้ลุล่วง ในงานนี้ครูบิ๊กรู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้พบ “แฟนพันธุ์แท้..พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก” ที่มาเป็นหนึ่งในผู้เข้าอบรมด้วยค่ะ
ประมวลภาพกิจกรรมวันที่ 5
...
เนื้อหาวันที่ 6
วันที่ 6 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ของคอร์ส “ทำงานสบาย สไตล์พุทธ” กิจกรรมแรกหลังสวดมนต์ไหว้พระ คือการปลดล็อคความรู้สึกและแสดงความกตัญญูต่อกัน ด้วยกิจกรรม “เคลียร์ใจ” ซึ่งประยุกต์มาจากการทำdialoging เป็นกิจกรรมกลุ่ม ซึ่งครูบิ๊กแบ่งผู้เข้าอบรมเป็น 3 กลุ่ม และเปิดโอกาสให้แต่ละกลุ่มได้พูด 4 รอบ ในหัวข้อที่กำหนด คือ ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย และความตั้งใจดี เป็นบรรยากาศการพูดคุยที่อบอุ่นและหาได้ยากในชีวิตการทำงานอันแสนวุ่นวายค่ะ ครูบิ๊กเองประทับใจทุกครั้งที่ได้ทำกิจกรรมนี้ให้กับองค์กรต่างๆ
ต่อด้วยการปฏิบัติ ประจำสัปดาห์
แล้วก็มาถึงช่วงสุดท้าย คือการปิดค่าย เราได้มีการแลกเปลี่ยนความประทับใจและสิ่งที่ได้จากธรรมะ จบค่ายด้วยความประทับใจและฝากธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็น ยาและวัคซีนป้องกันความทุกข์ ทำให้ทุกคนมีความสุขถ้วนหน้ากันนะคะ ธรรมะสวัสดีค่ะ
ประมวลภาพกิจกรรมวันที่ 6
...

...
ภาพเก็บตก
...
-----------------------------------------------------------