สวัสดียามเช้าวันอังคารนะคะ เผลอแป๊บเดียวเราก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 กันแล้วเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้พวกเราทุกคนคงจะประมาทกับชีวิตกันไม่ได้แล้วนะคะ วันนี้….คุณทำความดีแล้วหรือยัง
สำหรับสาระดีๆที่จะนำมาฝากกันในวันนี้ คือคำว่า “ฟับบิ้ง” หรือ Phubbing มาจากคำว่า Phone (โทรศัพท์) + Snubbing (ไม่สนใจ) รวมกันก็หมายถึงพฤติกรรมเสพติดโทรศัพท์มือถืออย่างแรงจนกระทั่งไม่สนใจคู่สนทนาตัวเป็นๆที่อยู่ตรงหน้าหรือรอบข้าง หรือที่รู้จักกันในภาษาบ้านๆว่า “สังคมก้มหน้า” นั่นเองค่ะ
คำนี้หากจะใช้เป็นคำกริยา ก็คือคำว่า “ฟับ” เช่น อ้าวคุยกันอยู่ดีๆ ทำไมมาฟับใส่ฉันอย่างนี้ล่ะ ก็หมายความว่า ขณะกำลังสนทนาอยู่คู่สนทนาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น แล้วจมหายไปในโลกส่วนตัวเสียอย่างนั้น
เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต ได้ร่วมกับ ดร.คาเร็น ดักกลาส ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาสังคม มหาวิทยาลัยเคนท์ ประเทศอังกฤษ ศึกษาพบว่าในจำนวนกลุ่มตัวอย่างชาวอังกฤษ 251 คน รายอายุระหว่าง 18-66 ปี พบว่า
1. ผู้หญิงมากกว่า 50% จะ "ฟับ" ใส่คนรอบข้างมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน
2. ผู้ชายไม่ถึง 30% จะฟับใส่คนรอบข้างมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน
3. ผู้หญิงเกือบ 70% จะถูกฟับจากคนรอบข้างมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน
4. ผู้ชายน้อยกว่า 40% เท่านั้น ที่ถูกฟับจากคนรอบข้างในปริมาณเดียวกันนี้
ผลการวิจัยหลักชี้ว่า ปัจจัยต้นตอหลักๆ ของพฤติกรรมฟับบิ้งมาจาก 3 สาเหตุ คือ
1. ภาวะติดอินเทอร์เน็ต
2. ความกลัวการตกกระแสและข้อมูลข่าวสาร
3. การขาดการควบคุมตนเอง
การเสพติดโทรศัพท์มือถือนี้ไม่ดีนะคะ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ผีขี้หลงหรือโมหะเข้าครอบงำเต็มๆ ซึ่งตรงนี้แหละเป็นตัวทำลายสติหรือความรู้สึกตัว ได้อย่างมากมายเลยทีเดียว ผลการวิจัยที่พูดถึงข้างบนบอกว่าพฤติกรรมฟับบิ้ง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์แย่ลงทุกที และโดยส่วนตัวครูบิ๊กพบว่า มันขโมยเวลาทำงานของเราไปมากมายเสียด้วยค่ะ
ข้อแนะนำในการแก้ภาวะฟับบิ้ง มีอยู่ 2-3 วิธีค่ะที่ขอนำมาแบ่งปันกัน
วิธีแรกนี้ครูบิ๊กชอบใช้มาก ลูกศิษย์ระดับมหาวิทยาลัยเป็นคนแนะนำวิธีนี้ให้ใช้ นั่นก็คือเวลานัดกินข้าวกับเพื่อนจะต้องเอาโทรศัพท์มือถือมากองรวมกันไว้แล้วตั้งกฎว่า ใครที่ใจอ่อนหยิบโทรศัพท์มือถือมาเล่นก่อนเป็นคนแรก จะต้องเป็นเจ้ามือในมื้อนั้น คราวนี้ล่ะค่ะ เพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันมานานต่างก็หันมาพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน บรรยากาศดีกว่ามาก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือเยอะเลย
วิธีที่ 2 คือหนามยอกเอาหนามบ่ง มีแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ ที่ใช้แก้เผ็ดอาการฟับบิ้งได้ชะงัดนักแถมสนุกด้วย วันนี้มีคนแนะนำให้ครูบิ๊กลองใช้ application ที่ชื่อ forest
Application นี้ จะให้เราตั้งใจว่า จะไม่แตะต้องโทรศัพท์มือถือนานเท่าไหร่ เช่น 30 นาทีทันทีที่เรากดปุ่ม start ก็จะมีภาพต้นกล้าเล็กๆงอกขึ้นมา หากเราไม่แตะต้องโทรศัพท์มือถือเลยภายในเวลาที่เราตั้งไว้ เมื่อครบกำหนด เราก็จะเห็นภาพต้นกล้านั้นเจริญเติบโตงอกงาม หากเราใช้ application จับเวลาตัวเองต่อไปอีก ต้นไม้ก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มจำนวนจาก 1 ต้นเป็น 2 ต้น 3 ต้นไปเรื่อยๆ หากใครทำได้เป็นเวลานาน ก็ถึงขนาดเป็นป่าย่อมๆ กันเลยทีเดียว
แต่ถ้าเราทนไม่ได้ หยิบโทรศัพท์มือถือมาเล่นกลางคันต้นไม้ที่เราเพราะไว้ตอนแรกก็จะตาย ดูแล้วสงสารมันมากค่ะ
ครูบิ๊กลองใช้แล้วสนุกดีค่ะ ที่สำคัญทำให้มีสมาธิและได้งานเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นเยอะเลยค่ะ
ใครชอบวิธีไหนก็ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ แต่ที่แน่ๆ คนที่สำคัญที่สุดคือคนที่มีเลือดเนื้อจริงๆอยู่ตรงหน้าคุณ ดังนั้นพยายามตั้งใจไม่ “ฟับ” ใส่ใคร และขอให้ในสัปดาห์นี้พวกเราร่วมกัน “ปิดจอสู่จริง” กันนะคะ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขค่ะ
ครูบิ๊ก
www.teacherbik.com