- ผู้ให้บริการคือบุคคลผู้มีค่าในตัวเองอันประมาณมิได้ เปรียบเหมือนเพชรยอดมงกุฎ ดังนั้นทุกคนควรภูมิใจในค่าของตัวเอง และแสดงออกถึงมูลค่านี้ผ่านการแต่งตัว และบุคคลิกภาพที่ปรากฎต่อหน้าผู้อื่น
- ผู้ให้บริการเป็นมนุษย์ อันเป็นภพภูมิที่มีสติไตร่ตรอง มีทางเลือกเสมอ ดังนั้นเมื่อโดนสิ่งกระทบ ผู้ให้บริการจะไม่หวั่นไหวโดยง่าย จะแสดงออกโดยเหมาะสม
- ผู้ให้บริการมีสุขภาพแข็งแรง ตรงกับที่พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" เมื่อเรามีลาภก้อนใหญ่อยู่กับตัวเช่นนี้แล้ว ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อจะทำงานบริการได้ดีที่สุด
- ผู้ให้บริการเป็นคนดีและคนเก่ง จากประโยคที่ว่า..
"บริการเป็นงานที่สะอาด..คนดีเท่านั้นจึงจะทำได้
และบริการเป็นงานที่ยาก..คนเก่งเท่านั้นจึงจะทำได้"
งานบริการจึงเปรียบได้กับ commentator รายการ reality show เขาจะคัดเลือกเฉพาะคนดีและคนเก่งให้ได้ทำงานอยู่ต่อไป ดังนั้นหากท่านยังคงทำงานอยู่ได้จนถึงขณะนี้ .. นั่นหมายความว่า ท่านเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง
3) เราจะสร้างบุญบารมีกับใคร คำตอบคือ "กับลูกค้า" ซึ่งลูกค้าก็คือ ผู้ที่เคยเกิดเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก คู่สมรส และญาติสายโลหิตของเรา เราจึงควรคิดและปฏิบัติต่อลูกค้าเสมือนญาติของเราเอง และพนักงานบันยันทรีทุกคนทำงานกับลูกค้า ทั้งลูกค้าภายนอก (แขก) และลูกค้าภายใน (เจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน)
4) เปลี่ยนงานบริการให้กลายเป็นลานแห่งการทำบุญ ซึ่งครูบิ๊กเน้นการทำบุญที่ง่ายที่สุดคือ "ทาน" ซึ่งแปลว่าการให้ พนักงานบริการสามารถให้ของ 6 อย่างเป็น "ทาน" ได้ขณะทำงานบริการ ของ 6 อย่างนั้นได้แก่
4.1 เมตตา ซึ่งแปลว่าความรักความปราถนาดีต่อลูกค้า พวกเราได้ทำกิจกรรมลองแผ่เมตตาให้กันและกันโดยใช้บทแผ่เมตตายุค 4G ที่ง่ายและสั้น ว่า "ขอให้...มีความสุข"
4.2 ให้การกราบไหว้ ความอ่อนน้อม และรอยยิ้ม เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการสามารถให้เป็นทานอย่างสม่ำเสมอและง่าย ทุกครั้งที่ยิ้มหรือไหว้ลูกค้า นั่นคือการทำบุญ
4.3 ให้คำพูดที่ไพเราะ พูดเพราะ ๆ กับทั้งลูกค้าภายในและภายนอก
4.4 ให้ความช่วยเหลือด้วยแรงกายแรงใจ อย่ากลัวความเหนื่อย เพราะความเหนื่อยเป็นผลจากการที่เราให้แรงกายแรงใจเป็นทาน และงานบริการเป็นงานเดียวที่ได้อภิสิทธิ์ "ได้ทำทานตลอดเวลาที่เราทำงาน"
4.5 ให้มุทิตาจิต คือชื่นชมยินดีเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานทำงานดีหรือได้รับคำชม ได้รับรางวัล
4.6 ให้อภัย การทำงานบริการย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นได้ ขอให้พนักงานบริการทุกคนทำงานอย่างได้กำไร อย่าขาดทุนโดยการนำข้อขัดแย้งเรื่องงานมาผูกใจเจ็บเค้นกันเป็นการส่วนตัว เพราะใจที่แค้นพยายาทเป็นบาป และครูบิ๊กยังได้สอนเทคนิค "การทำงานแบบร่างทรง" ให้ผู้เข้าอบรมด้วย กล่าวคือ เราเป็นเพียงร่างทรงของเทพเจ้าที่ชื่อ "บันยันทรี" คำชมหรือคำตำหนิที่รุนแรงเพียงใดก็ตาม "เรา" ไม่ได้เป็นผู้รับ แต่ "เทพบันยันทรี" ต่างหากที่เป็นผู้รับไว้ เมื่อเลิกงานเปรียบเสมือนเทพออกจากร่างไปแล้ว ร่างทรงอย่างเราจะไม่นำเอาคำชมหรือคำตำหนิเหล่านั้นกลับไปปะปนกับชีวิตส่วนตัว นี่คือ work-life balance ที่แท้จริง
เมื่อจบการบรรยาย ตัวแทนพนักงานแลกเปลี่ยนความรู้สึก ว่ามองงานบริการในมุมมองใหม่ และเกิดแรงบันดาลใจที่จะไปทำงานบริการให้ดี เพราะรู้แล้วว่า..คนๆ แรกที่จะได้บุญจากการทำงานบริการก็คือ "ตัวเรา" นั่นเอง
ประมวลภาพเก็บตกค่ะ