เข้าเส้นชัยไปแล้ว..สำหรับพี่ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย และน้ำใจจากพี่น้องไทยที่หลั่งไหลไปช่วยทำฝันและความตั้งใจของเขาในโครงการ "ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาล" ให้เกินความจริง
การว่ิงจากเบตงถึงแม่สายนั้นแม้คิดก็น่าจะท้อเสียแล้ว แต่พี่ตูนก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่มีอะไรจะแพ้ความตั้งใจจริง และในพุทธศาสนาเรียกความตั้งใจนี้ว่า "อธิษฐาน" ค่ะ
คงไม่มีใครเถียงว่าการวิ่งครั้งนี้เป็นการทำบุญที่มหาศาล เพราะพี่ตูนได้ "ให้" ในสิ่งที่มนุษย์ให้ได้ยากยิ่ง
"ทาน" ในพุทธศาสนานั้น หมายถึงการให้ และมีของถึง 9 อย่างนะคะ ที่เราสามารถให้เป็นทานได้ การวิ่งเบตง-แม่สายครั้งนี้ พี่ตูนได้ให้ของครบทั้ง 9 อย่างเลยค่ะ มีอะไรบ้างมาดูกัน
1. ให้ทรัพย์สิน เงินทอง สิ่งของ ตลอดทางที่วิ่งเพื่อขอบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลนั้น พี่ตูนไม่ได้วิ่งเพื่อขอแต่เพียงอย่างเดียว แต่เมื่อวิ่งไปถึงที่ไหนก็ยัง "ให้" ทุนการศึกษากับน้อง ๆ โรงเรียนในเขตนั้นอีกด้วย
2. ให้เมตตา แน่นอนค่ะ...นี่คือคุณธรรมที่ต้นใจพี่ตูนเลย พี่ตูนรักผู้ป่วยที่มาใช้บริการโรงพยาบาล ที่สำคัญรักคนไทยทุกคน จึงส่งสารผ่านทางการวิ่งว่า "อย่ารอให้ป่วยแล้วไปหาหมอ แต่ออกกำลังกายเพื่อให้ไม่ป่วยดีกว่า" พี่ตูนรักทุกคน
3. ให้รอยยิ้ม อ่อนน้อม ยิ้มแย้มแจ่มใส คนยิ่งใหญ่ที่แท้จริง จะยิ่งค้อมตัวลง ตลอดทางจะเห็นภาพพี่ตูนยกมือไหว้ทุกคน หรือแม้แต่นั่งกับพื้นกราบผู้แก่ที่มารอบริจาคอยู่ข้างทาง และแม้นอกการวิ่งนี้...ใครที่เคยได้ไปขอถ่ายรูปกับพี่ตูนจะรู้ว่า พี่ตูนยกมือไหว้ทุกคนที่ไปขอถ่ายรูปด้วย ผลคือ...พี่ตูนเป็นที่รักของมวลชนค่ะ
4.ให้คำพูดที่ไพเราะ เราแทบไม่เห็นหรือไม่เคยได้ยินพี่ตูนพูดคำหยาบ เอะอะโวยวาย หรือทำร้ายใครด้วยคำพูดเลย ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์เดปขาร็อคมาก ๆ สิ่งนี้ทำให้คนทั่วไปได้ตระหนักว่า รสนิยมทางดนตรีและการพูดจา..เป็นคนละเรื่องที่แยกกันได้
5. ให้แรงกายแรงใจเป็นทาน ข้อนี้พีคที่สุดค่ะ..ยิ่งกับโครงการ "ก้าวคนละก้าว" นี่ด้วยแล้ว คงไม่มีอะไรที่พี่ตูนจะให้ได้มากไปกว่าหยาดเหงื่อของเขาอีกแล้ว การที่คน ๆ หนึ่งจะออกมาเหนื่อย ตากฝน ตากแดด ฝ่าอากาศเย็น ตะลุยมาแล้วทุกฤดูกาล คนที่ความตั้งใจไม่แน่วแน่..ทำไม่ได้แน่นอนค่ะ และครูบิ๊กคิดว่าผู้คนเห็นถึงการให้แรงกายเป็นทานนี่แหล่ะ..จึงได้บริจาคช่วยโครงการกันมาอย่างล้นหลาม
6. เสียสละ คนๆ นี้ต้องมีจิตใจสูงมาก จึงจะเสียสละความสุขส่วนตัวได้ขนาดนี้ พี่ตูนและทีมงานทุกคนต้องทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัว ทิ้งการงานมาเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นี่ยังไม่นับรายได้จากคอนเสิร์ตหรืองานโชว์ตัวอีกมหาศาลที่พี่ตูนเสียสละไม่รับ เพื่อพาตัวมาวิ่งงานนี้ เห็นแล้วปลื้มใจมาก ๆ ค่ะ
7.ให้มุทิตาจิต (ความยินดีเมื่อผู้อื่นทำดีหรือได้ดี) จะเห็นว่าในจังหวัดที่พี่ตูนไม่ได้วิ่งผ่าน พี่น้องประชาชนของจังหวัดหรือภาคนั้น ๆ ก็รวมตัวกันวิ่งเพื่อระดมทุน เมื่อมีการส่งมอบเงิน หรือเมื่อพี่ตูนรู้ข่าว เขาก็จะอนุโมทนาและชื่นชมทุกครั้ง
8. ให้ข้อคิดดี ๆ ในช่วงแรกที่เริ่มวิ่ง มีคำวิพากษ์วิจารณ์เข้ามามากมาย แต่พี่ตูนได้ชี้แจงและแก้ข้อสงสัยทั้งหลายกลับไปด้วยแง่คิด ที่โดนใจหลายๆ คนน่าจะเป็นแง่คิดเรื่องที่อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองก่อนเพื่อจะได้ไม่ป่วยและไม่ต้องไปหาหมอ อีกแง่คิดหนึ่งที่ครูบิ๊กประทับใจเป็นส่วนตัวคือ ชี้แจงว่าใช้การวิ่งแทนการจัดคอนเสิร์ตระดมทุน เพราะไม่ต้องการเงินก้อนใหญ่จากคนเพียงไม่กี่คน แต่ต้องการน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้เพียง 10 บาท จากคนไทยทุกคนก็เพียงพอแล้ว พี่ตูนกระจาย "นาบุญ" ไปทั่วประเทศจริง ๆ ค่ะ
9. ให้อภัย เช่นกันในช่วงแรก ๆ ที่วิ่ง คำวิพากษ์วิจารย์ คำสบประมาทต่าง ๆ ถาโถมเข้ามามากมาย หลายถ้อยคำเราฟังแล้วยังโกรธแทน แต่พี่ตูนไม่ได้ถือโทษโกรธคนเหล่านั้น ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป จนถึงวันนี้..คาดว่าคนกลุ่มนั้นก็คงเข้าใจพี่ตูนมากขึ้น และครูบิ๊กแน่ใจว่าหลายคนบริจาคเข้าโครงการด้วยค่ะ
วันนี้..โครงการก้าวคนละก้าว จบลงแล้วด้วยความสำเร็จเกินคาด ครูบิ๊กขอชื่นชมจากใจจริงกับอธิษฐานจิตและการให้ทานของพี่ตูนในครั้งนี้ โดยส่วนตัวได้ร่วมบริจาคไปแล้ว และจะขอนำข้อคิดเรื่องการให้ทานทั้ง 9 นี้ มาใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไปด้วยค่ะ
ขอให้พี่ตูน ทีมงานก้าวคนละก้าว และทุกท่านมีความสุขค่ะ
www.teacherbik.com