สวัสดีวันเด็กค่ะทุกท่าน วันนี้นอกจากอ่านบทความนี้แล้ว หลายท่านก็คงได้พาเด็ก ๆ รอบตัวไปเที่ยว ก็เพิ่มพูนประสบการณ์จากการไปเยี่ยมเยือนที่ต่าง ๆ ส่วนหลายคนที่ไม่มีเด็กในปกครองก็คงอดมีรอยยิ้มไม่ได้เมื่อเดินผ่านกิจกรรมวันเด็กที่จัดขึ้นใกล้ ๆ ตัว
วันนี้ครูบิ๊กจึงมีหลักในการสอนสำนึกด้านจริยธรรมกับเด็กในช่วงวัยต่าง ๆ มาฝากกันนะคะ
อันดับแรกที่ผู้ปกครองทุกคนควรรู้ก็คือ “ผู้ปกครอง” นั่นเอง คือต้นแบบด้านศีลธรรมที่ดีที่สุด ผลการวิจัยของ ศ.วิลเลี่ยม ดามอน แห่งมหาวิทยาลัยคลาร์ค วูสเชสเตอร์ รัฐเมสสาชูเซ็ต พบว่า น้อยครอบครัวมากจะให้ลูก ๆ นั่งลงแล้วสอนเรื่องศีลธรรมอย่างจริงจัง เด็กๆ ส่วนมากจะใช้วิธี “ออสโมสิส” สิ่งที่พ่อแม่ทำให้เห็นเสียมากกว่า
ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ คุณลารี่ วอร์คเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกฝังศีลธรรมได้กล่าวไว้เช่นกัน
ผู้รู้ทั้งสองท่านแนะนำว่า ในแต่ละช่วงวัยของเด็ก พ่อแม่ควรปลูกฝังเรื่องศีลธรรมอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยให้เด็กเรียนรู้เอง โดยใช้เทคนิคต่อไปนี้ในช่วงวัยที่แตกต่างกัน ดังนี้
วัยเด็ก (อายุไม่เกิน 6 ปี) : วัยนี้ต่อมศีลธรรมของเด็กเพิ่งเริ่มต้น การสอนจึงไม่มีอะไรชัดเจนจับต้องได้ มากไปกว่า “รางวัล” หรือ “การแลกเปลี่ยน” เช่น หนูช่วยแม่ทำงานบ้านแล้วแม่จะ....... แต่ในขณะที่เด็กทำสิ่งถูกต้อง พ่อแม่ก็ควรให้คำอธิบายไปข้าง ๆ หูด้วยว่า สิ่งที่เขาทำนั้น..มันมีผลดีต่อเขาและต่อครอบครัวอย่างไร เพื่อในที่สุดเขาจะไม่ให้ค่ากับรางวัล หรือให้ค่าน้อยลงเรื่อย ๆ
วัยเด็กตอนปลาย (7-12 ปี) : วัยนี้เด็กเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนในโลกที่กว้างขึ้น สิ่งที่ควรเน้นในวัยนี้คือ
1) การ “รู้สึก” และ “สัมผัสได้” ถึงความรู้สึกของคนอื่น พ่อแม่จึงควรใช้คำถามว่า “ถ้าหนูโดนเพื่อนแกล้งอย่างนี้บ้าง หนูจะรู้สึกอย่างไร”
2) ผลของการกระทำ ชี้ให้เด็กเห็นว่า หากเขาทำสิ่งที่ถูก ผลจะเป็นอย่างไร และหากเขาเลือกทำสิ่งที่ผิด ผลที่เขาจะได้รับคืออะไร
3) ปลูกฝัง “ความรู้สึกผิด” ลงไปในใจของเด็ก (พุทธเรียกว่า หิริ โอตัปปะ) หรือความเกรงกลัวละอายต่อบาป สิ่งนี้สำคัญมาก..เพราะปราศจากความรู้สึกผิดแล้วไซร้ ก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่ต้องคำนึงถึงศีลธรรมอีกต่อไป
วัยรุ่นตอนต้น : วัยนี้เป็นวัยที่โลกของเขากว้างออกไป และอารมณ์ของวัยนี้ก็พีคที่สุดด้วย จนผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักจะส่ายหน้า แต่หน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองคือต้องอดทน และเป็นเหมือนโค้ชที่จะช่วยประคับประคอง มากกว่าจะเป็นผู้จัดการชีวิตของลูก ในด้านศีลธรรม..พ่อแม่ควรเริ่มใช้เรื่องของตัวเองเป็นตัวเปิดบทสนทนากับลูก ในลักษณะคล้าย ๆ การสารภาพบาปกับลูก เช่น คุณแม่อาจเล่าว่า วันนี้แม่รู้สึกไม่ดีเลยที่คิดอิจฉาริษยาเพื่อนที่ทำงาน หรือคุณพ่ออาจเล่าว่า วันนี้หัวหน้าขอให้พ่อช่วยงานด่วนของอีกแผนกหนึ่ง ทั้งที่พ่อก็ว่างอยู่ แต่เพราะความขี้เกียจจึงปฏิเสธไป เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย พรุ่งนี้พ่อจะไปขอโทษหัวหน้า เมื่อเด็ก ๆ เห็นว่าไม่มีกำแพง ทุกคนทำผิดได้ ตัวเขาเองก็จะพร้อมเปิดอกพูดเรื่องศีลธรรมกับพ่อแม่เช่นกัน
วัยรุ่นตอนปลาย : จริงอยู่ที่วัยรุ่นมักทำตามเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ แต่โปรดเชื่อเถิดว่าอิทธิพลของเพื่อนนั้นผิวมาก เมื่อเทียบกับรากที่หยั่งลึกของอิทธิพลจากครอบครัว ในวัยนี้ ประโยคที่พอแม่พูดได้ดีที่สุดคือ “จงเลือกสิ่งที่ถูก และรักตัวของลูกเองให้มาก แต่หากลูกตัดสินใจหรือเลือกผิดอย่างไร จงจำไว้ว่า พ่อกับแม่พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาและเคียงข้างลูกเสมอ” จงเชื่อในสิ่งที่คุณปลูกฝังเขามาตั้งแต่เด็ก และเมล็ดแห่งศีลธรรมนั้นก็จะพร้อมออกดอกผลงดงามให้คุณได้เห็นในวัยนี้เองค่ะ
หวังว่า สิ่งที่นำมาแบ่งปันกันวันนี้ คงมีส่วนช่วยในการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดีลงในใจของเยาวชนเราได้นะคะ เพราะเด็ก..คืออนาคตของชาติ..จริง ๆ ค่ะ
fb: ครูบิ๊ก เดอะธรรมนิสต้า