สวัสดีทุกท่านในสัปดาห์แห่งความรักและตรุษจีนค่ะ เป็นปกติที่ผู้คนมักจะพูดถึงความรักอันหวานฉ่ำและสมหวังในช่วงนี้ แต่ชาวพุทธผู้ไม่ประมาทควรมองความรัก 2 ด้านเสมอนะคะ “มีสมหวัง..มีผิดหวัง” เป็นธรรมดา รักที่ไม่สมหวังนั้น..ยุคนี้เขาใช้คำว่า “โดนเท” ค่ะ เราลองมาดูกันซิว่า เมื่อโดนเท..เราจะใช้ “ธรรมะ” ช่วย “ทำใจ” ได้อย่างไรค่ะ
1.หากศีลเราเสมอกัน..เราคงได้อยู่คู่กันแล้วล่ะ ในงาน “มงคลสมรส” นั้น ชื่องานเต็ม ๆ คือ “สมรส สมศีลา” แต่ปัจจุบันเรามักจะได้ยินแค่สมรสเฉย ๆ ชื่องานเต็ม ๆ บอกใบ้ว่า ชีวิตคู่จะราบรื่นต้องเป็นคนดีพอ ๆ กัน ดังนั้นหากมีการต้องพรากจากกัน นั่นหมายความว่า ศีลเราไม่เสมอกันแล้ว (ตรงนี้เราไม่ได้ตัดสินนะคะ...ว่าศีลใครสูงกว่าใคร) หากฝืนอยู่ด้วยกันต่อไปก็คงไม่ราบรื่น ไม่มีความสุขค่ะ
2.มองการ “โดนเท” ในแง่บวก แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนมุมมอง แต่ลองตรองดูเถิด..มันต้องมีข้อดีซ่อนอยู่แน่ ๆ เช่น ชีวิตเบามากขึ้นเพราะมีคนที่เราต้องดูแลน้อยลง มีเวลาทำสิ่งที่ตัวเองรักและชอบจริง ๆ (เพราะเวลามีคู่ คุณอาจจะต้องจำใจทำกิจกรรมที่ไม่ได้ชอบเท่าไหร่ เพียงเพราะคู่ของคุณชอบเท่านั้น) หากคุณมีลูก..คุณก็จะมุ่งความใส่ใจไปสู่ลูกได้อย่างเต็มที่ เห็นไหมคะว่า..แง่งามเหล่านี้ มีแอบซ่อนอยู่เสมอ
3.นึกถึงสิ่งดีหรือสิ่งบวกที่คุณได้มาระหว่างคบกับเขาหรือเธอ และกล่าวขอบคุณแทนการสาปแช่ง เมื่อไรที่คุณแว่บไปคิดถึงความเจ็บปวดจากการโดนเท ให้คุณคิดถึงสิ่งดี ๆ เหล่านั้นแล้วกล่าวขอบคุณ เช่น ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้ลองกินอาหารแปลก ๆ ที่ไม่เคยกินมาก่อน ขอบคุณที่คุณพาฉันไปเที่ยวที่ที่ฉันไม่เคยคิดจะไป หรือ ขอบคุณที่คุณทำให้ฉันรู้ว่า ฉันอดทนได้มากกว่าที่ฉันคิด (ฮา) นี่เป็นการเจริญเมตตาและนำไปสู่การให้อภัยในที่สุดนะคะ
4.ได้กลับมามองหาความโดดเด่นของตัวเองอีกครั้ง ตอนอยู่เป็นคู่..รัศมีของเขาหรือเธออาจจะกลบออร่าเราเสียมิด ตอนนี้แหล่ะเป็นโอกาสให้เราได้เฉิดฉายความโดดเด้งของตนเองอีกครั้ง ทำ list ขอดีของตัวเองหรือความฝันที่ตัวเองอยากทำให้เป็นจริง แล้วทำข้อดีให้เด่น...ทำชีวิตให้สตรอง ทำฝันให้เป็นจริง เวลานี้แหล่ะเหมาะที่สุด เพราะเมื่อคุณมีเป้าหมายรออยู่ข้างหน้า คุณจะมีเวลามองเหลียวหลังไปสู่อดีตน้อยลงค่ะ
พระอาจารย์วชิระ สุภปาโส เคยเล่าว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งโดนสามีบอกเลิก (เพื่อไปคบกับชายอื่น) เธอเสียใจเจ็บปวดมาก สองสัปดาห์ผ่านไปยังไม่ทุเลา เฝ้าแต่คิดถึงคำพูดตัดรอนของเขา เธอตัดสินใจไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่วินาทีที่เธอใกล้จะหมดลมหายใจในน้ำนั้น เธอได้คิดว่า “เขา” ไม่ใช่คนสำคัญที่สุดในชีวิตเรา...แต่ “เรา” และ “ลมหายใจของเรา” นี่แหล่ะสำคัญที่สุด เออเนอะ...ขาดเขา..เราก็ยังอยู่ได้มาตั้ง 2 อาทิตย์ แต่ถ้าขาด “ลมหายใจของเรา” นี่...เราอยู่ไม่ได้แน่ ๆ ว่าแล้วเธอก็ทะลึ่งตัวขึ้นจากน้ำ ชีวิตเปลี่ยนไปทันทีหลังจากนั้น ครูบิ๊กฟังแล้วรู้สึกว่าเธอโชคดีมากที่รอดมาได้พร้อมมุมมองใหม่ที่ให้ค่าชีวิตตนเองมากกว่าคนอื่นค่ะ
ตกลง โดนเท..แล้วได้ธรรมไหมคะ จง “ธรรมใจ” ว่า คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือตัวเราเอง คนอื่นเขาไม่ให้ค่าเราเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเราไม่ให้ค่าตัวเองนั่นเป็นสิ่งที่น่าเสียใจและเสียดายมากนะคะ
จงรักตัวเอง และเลือกสิ่งที่ดีให้ตนเองค่ะ เพราะพระพุทธองค์ทรงสอนว่า..นั่นคือความรักที่ยิ่งใหญ่กว่ารักทั้งปวง
ขอให้ทุกท่านมีความสุขค่ะ
ครูบิ๊ก
www.teacherbik.com