ครูบิ๊กเป็นวิทยากรบรรยายธรรมเพื่อการทำงานให้มีความสุข ที่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น สนุกสนานและเปิดกว้าง เพราะแม้ครูบิ๊กจะใช้ธรรมะเป็นแก่นในการบรรยาย แต่ในที่นี้มีพี่น้องศาสนาอื่นเข้ามาฟังด้วยค่ะ เนื้อหาที่ครูบิ๊กนำมาแบ่งปันนั้น แกนหลักของการทำงานให้มีความสุขอยู่ที่ เปลี่ยนการทำงานให้เป็นการสร้างบุญให้กับตัวเราเองค่ะ
ในการบรรยายหัวข้อ “ทำงานสบาย สไตล์พุทธ” 3 ชั่วโมงนี้ ครูบิ๊กได้เริ่มต้นจากคำถามที่ว่า “เหตุใดเราจึงทำงานแล้วไม่มีความสุข” คำตอบคือเพราะคนทำงานมักคิดว่าเราเป็นผู้ออกแรงกายแรงใจ แต่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์กลับกลายเป็นลูกค้า หัวหน้างาน หรือเจ้าขององค์กร ดังนั้นการจะทำงานให้สบายและมีความสุข จึงต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่ว่า การให้แรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่ในการทำงานนั้น เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างบุญให้กับตนเอง
คำว่า “บุญ” นั้นเป็นเรื่องสากล และเป็นเรื่องที่มีสอนในทุกศาสนา บุญเป็นชื่อของความดี บุญเป็นชื่อของความสุข คนทำงานจึงควรเริ่มต้นวางใจเสียใหม่ว่า การทำงานเป็นการสร้างความดีและความสุขให้กับตนเองเป็นเบื้องต้น ส่วนการที่ลูกค้าจะได้รับการบริการที่ดี หรือเจ้าขององกรจะได้ผลกำไรจากการทำงานของเรา นั่นเป็นเพียงผลพลอยได้ค่ะ
คราวนี้เราลองมาดูกันว่า การทำงานเป็นการทำบุญได้อย่างไร
บุญในพุทธศาสนาทำได้ 3 แบบนะคะ คือ
-
ทาน (การให้)
-
ศีล (ใช้ชีวิตในกรอบความปกติ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น)
-
ภาวนา (ทำจิตใจให้สงบ)
และการทำบุญที่ง่ายที่สุดคือการทำทาน ที่แปลว่าการให้นั่นเองค่ะ ซึ่งคนทำงานสามารถให้ของ 6 อย่างเป็นทานได้ ให้อะไรก็ตามใน 6 อย่างนี้ถือเป็นการทำบุญด้วยการให้ทานทั้งสิ้น 6 อย่างประกอบด้วย
-
ให้เมตตา : คือให้ความรักความปรารถนาดีกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย และลูกค้า โดยครูบิ๊กสอนให้แผ่เมตตาแบบยุค 4G โดยใช้ประโยคง่ายๆว่า “ขอให้….มีความสุข” แนะนำให้ผู้เข้าอบรมทุกคนแผ่เมตตาให้เพื่อนและเจ้านายก่อนเริ่มงานทุกวัน จะทำให้บรรยากาศในการทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่นมากขึ้นค่ะ
-
ให้ความอ่อนน้อม และรอยยิ้ม : การไหว้และรอยยิ้มก็สามารถให้เป็นทานได้นะคะ ดังนั้นหากไม่มีเวลาใส่บาตรหรือบริจาคของ เพียงส่งรอยยิ้มให้กับทุกๆคนที่เราติดต่อด้วยก็เป็นการทำบุญแล้ว ยิ่งถ้ายิ้มด้วยและแผ่เมตตาด้วย ก็จะยิ่งได้บุญเป็น 2 เท่าค่ะ
-
ให้คำพูดที่ไพเราะ : พูดจากันดีๆ ไม่โกหก ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ นินทา ไร้สาระ ครูบิ๊กได้สอนผู้เข้าอบรมว่า จงเปลี่ยนตัวเราให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดพลังบวก ด้วยการพูดแต่สิ่งบวกออกจากปากของเรา
-
ให้ความช่วยเหลือด้วยแรงกายแรงใจ : หยาดเหงื่อและมันสมองของเราสามารถให้เป็นทานได้นะคะ ดังนั้นจงตั้งใจทำงานให้เต็มที่ เพราะทุกหยาดเหงื่อหมายถึงบุญที่เรากำลังสร้างให้ตัวเราเองค่ะ
-
ให้มุทิตาจิต : คือการไปแสดงความยินดีและชื่นชม เมื่อผู้อื่นทำผลงานได้ดีกว่าเรา หรือได้รับการเลื่อนขั้น รับคำชม ได้ดีมากกว่าเรา ไม่ควรคิดอิจฉาริษยากันให้เปลืองสมองนะคะ
-
ให้อภัย : จงอย่าปล่อยให้เรื่องงานเป็นต้นเหตุของการผูกใจเจ็บและอาฆาตพยาบาท เพราะนั่นเท่ากับเป็นการสร้างบาปให้ตัวเอง จงให้อภัยทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงานที่อาจจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับเรา เพราะเราเป็นแค่ร่างทรงของหน่วยงานที่เราปฏิบัติงานอยู่เท่านั้น
เนื้อหาไม่ยากต่อการเข้าใจ นำไปปฏิบัติตามได้ง่ายๆ แค่เปลี่ยนความคิดชีวิตการทำงานก็เปลี่ยน เป็นกำลังใจให้พี่น้องและเพื่อนพนักงานที่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังทุกท่านปฏิบัติงานและสร้างบุญให้กับตนเองอย่างมีความสุขตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปนะคะ
...